วันนี้ (19 พ.ย. 61) ดร.ชัยพฤกษ์ เสรีรักษ์ เลขาธิการสภาการศึกษา (สกศ.) เผยว่า คณะอนุกรรมการสภาการศึกษาด้านศาสนา ศิลปะ วัฒนธรรม กีฬา และภูมิปัญญา ได้ประชุมร่วมกับผู้ทรงคุณวุฒิด้านศิลปะทุกแขนงกว่า 30 คน พบว่ามี 3 สาเหตุหลักที่ทำให้การจัดการศึกษาด้านศิลปะไม่ประสบความสำเร็จ คือ
- หลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐาน ไปจนถึงระดับมหาวิทยาลัย ต่างให้ความสำคัญกับทักษะภาษา คณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์ ซึ่งเป็นการใช้สมองซีกซ้าย ที่การพัฒนาทักษะด้านการตัดสินใจ การใช้เหตุผล และการพูด แต่ละเลยการพัฒนาสมองซีกขวา จากการเรียนรู้ศิลปะ ดนตรี กีฬา ที่เป็นการพัฒนาทักษะด้านเรื่องความเข้าใจ อารมณ์สุนทรียะ จินตนาการ และความคิดสร้างสรรค์ ซึ่งพบว่ามีจำนวนหน่วยกิตให้แก่วิชาที่พัฒนาสมองซีกขวาน้อยมาก จึงเกิดภาวะความรู้ท่วมหัวเอาตัวไม่รอด
- การแยกสายวิทยาศาสตร์และศิลป์ในระดับมัธยมปลาย ซึ่งมองว่าไม่เกิดการพัฒนาสมองและการเรียนรู้ที่สมดุล
- ขาดการสนับสนุนจากผู้ปกครอง ทำให้เด็กที่มีพรสวรรค์ด้านศิลปะพลาดโอกาสความก้าวหน้าในสายอาชีพ
พร้อมกันนั้น ที่ประชุมได้เสนอ 7 ทางรุ่ง-ทางรอดในการจัดการศิลปศึกษา ได้แก่
- รื้อหลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐานใหม่ 50% เป็นวิชาบังคับและทักษะพื้นฐาน ส่วนอีก 50% ให้เลือกเรียนได้ตามความถนัด
- ในระดับปฐมวัยและประถมศึกษา ควรจัดอบรมให้ครูที่ไม่มีวุฒิทางด้านศิลปะ ให้สอนได้และสอนเป็น เน้นบรรยากาศการเรียนที่สนุก และสามารถหาแววความถนัดของเด็กได้ เพื่อช่วยพัฒนาเด็กที่มีพรสวรรค์
- ในระดับมัธยมฯ ครูต้องใช้เทคนิคการสอนแบบบูรณาการร่วมกับรายวิชาอื่นๆ
- ปรับวิธีเรียนเปลี่ยนวิธีสอนศิลปะทุกระดับ ให้มีการเรียนรู้ที่สนุกสนาน เกิดสุนทรียะ
- ปรับปรุงระบบแนะแนวของสถานศึกษา เพื่อให้เด็กได้ค้นพบตัวเอง และคณะอนุกรรมการชุดนี้จะจัดทำคู่มือแนะนำผู้ปกครอง เพื่อสร้างความเชื่อมั่น และสนับสนุนเด็กที่มีพรสวรรค์ พร้อมสะท้อนถึงประโยชน์ของศิลปะที่จะนำไปสู่รายได้และอาชีพ
- สำหรับการศึกษานอกระบบ การศึกษาตามอัธยาศัย หรือการศึกษาตลอดชีวิต ให้สร้างระบบฐานข้อมูลขนาดใหญ่ ครอบคลุมทุกพื้นที่ในประเทศ เพื่อผู้สนใจสามารถค้นหาแหล่งเรียนรู้ ผู้เชี่ยวชาญ และเนื้อหาของศิลปะทุกแขนง ได้บนเว็บไซต์และโซเชียลมีเดีย
- จัดการศึกษาด้านศิลปะตามแนวทางของสหประชาชาติ เน้นการมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วนในสังคม เพื่อเกิดการพัฒนาที่ยั่งยืน