รู้ไว้ใช่ว่า! กระทงขนมปังทำลายสิ่งแวดล้อมมากที่สุด


ช่วงเทศกาลวันลอยกระทง พ่อค้าแม้ค้าต่างประดิษฐ์กระทงต่างๆ ออกมาโดยใช้วัตถุดิบที่เป็นมิตรกับธรรมชาติ เพื่อเป็นการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม ไม่ว่าจะเป็น ต้นกล้วย รวมไปถึง “กระทงขนมปัง” ที่กลายเป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่น่าสนใจ

โดยหลายคนเชื่อว่า “กระทงขนมปัง” คือกระทงที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ลอยไปแล้วยังเป็นการให้อาหารปลาอีก สำหรับใครที่มีความเชื่อในเรื่องนี้อาจจะต้องคิดใหม่แล้ว

เมื่อ รศ. ดร. เจษฎา อาจารย์ประจำภาควิชาชีววิทยา คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาฯ และนักสื่อสารวิทยาศาสตร์ ออกมาโพสต์ผ่านเฟซบุ๊กว่า “กระทงขนมปัง” คือ กระทงที่ไม่ดีต่อสิ่งแวดล้อมที่สุด ควรหลีกเลี่ยงถ้าคิดจะลอยคืนพรุ่งนี้นะ

ถ้ายังตัดใจเลิกลอยกระทงไม่ได้ อย่างน้อยก็ขอให้หลีกเลี่ยงความเชื่อผิดๆ เรื่อง “ลอยกระทงขนมปังเพื่อสิ่งแวดล้อม” ครับ กระทงขนมปังเนี่ย ทำน้ำเน่าเสียมากกว่าอย่างอื่น เพราะกระทงขนมปัง มันเป็นสารอินทรีย์ ลงน้ำก็ยุ่ยและเน่าอย่างรวดเร็ว จะเก็บขึ้นแบบกระทงใบตองหรือโฟมก็ไม่ได้ ปลาก็ไม่ค่อยกิน แล้วถ้ากินไม่หมด มันก็จะกลายเป็นอาหารของเชื้อจุลินทรีย์ให้น้ำ ทำให้น้ำเน่าเสียหนักขึ้นอีก

ฟังความเห็นของผู้เชี่ยวชาญสิ่งแวดล้อมท่านอื่นประกอบได้ครับ

ดร.ขวัญฤดี โชติชนาทวีวงศ์ ผู้อำนวยการสถาบันสิ่งแวดล้อมไทย กล่าวว่า กระทงขนมปัง ถ้าใช้ลอยในแหล่งน้ำไม่ว่าจะเปิดหรือปิด ยกตัวอย่างเช่น หากเป็นแหล่งน้ำปิดแล้วมีบ่อปลา ก็จะสามารถใช้ได้ จะมีประโยชน์ เพราะปลาสามารถกินขนมปังได้ แต่ถ้าเป็นแหล่งน้ำปิดแล้วไม่มีบ่อปลา จะอันตรายต่อสภาพน้ำ เพราะขนมปังจะเกิดการยุ่ย และทำให้น้ำมีค่าบีโอดี หรือค่าสารอินทรีย์สูง ไม่สมควรนำมาลอย

ดร. อาภา หวังเกียรติ ผู้ช่วยคณบดีวิทยาลัยวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยรังสิตกล่าวว่า สำหรับกระทงขนมปังถึงจะย่อยสลายได้ แต่ก็เป็นสาเหตุทำให้เกิดน้ำเน่าได้ เพราะขนมปังเป็นประเภทสิ่งที่เป็นสารอินทรีย์ ซึ่งสารอินทรีย์ก็คือ โปรตีน คาร์โบไฮเดรต ไขมัน โดยธรรมชาติหากสารอินทรีย์พวกนี้ลงไปอยู่ในแม่น้ำ มันก็จะมีจุลินทรีย์พวกแบคทีเรียมากินเป็นอาหาร หากปริมาณของสารพวกนี้ไม่มากนักไม่ถือว่าส่งผลเสียเพราะมันก็จะเปลี่ยนแป้งไปเป็นคาร์บอนไดออกไซต์ หากใช้กระทงขนมปังลอยน้ำในปริมาณมาก ขบวนการนี้ก็จะมีดึงออกซิเจนในน้ำมาใช้ เมื่อใช้ออกซิเจนในน้ำมากไปจะกลายเป็นสาเหตุของน้ำเน่าเสียได้