ทำไมธุรกิจยุคนี้ต้องทรานส์ฟอร์มถึงจะอยู่รอด
การทำธุรกิจสมัยนี้ เราไม่อาจทำแบบเดิม ขายแบบเดิม บริหารแบบเดิมได้อีกต่อไป เพราะความก้าวหน้าของเทคโนโลยีที่มีความทันสมัยมากขึ้นจึงเข้ามาเปลี่ยนแปลง ทำให้ธุรกิจที่ทำอยู่ดียิ่งขึ้น
เมื่อ 2-3 ปีที่ผ่านมา วงการอุตสาหกรรม เทคโนโลยี AI ได้ถูกพูดถึงกันอย่างหนาหูและเรามักจะได้ยินบ่อยๆ ถึงโอกาสที่หุ่นยนต์จะเข้ามาจัดการและทำงานทุกอย่างแทนคนในโลกอนาคต ทำให้เกิดคำถามถึงความปลอดภัยในตำแหน่งหน้าที่การงาน เพราะไม่ว่าผู้ประกอบการคนไหนก็ล้วนแต่อยากได้หุ่นยนต์มาทำงานมากกว่าคนจริง เนื่องจากมีข้อได้เปรียบหลายๆ อย่าง เช่น ทำงานได้ทั้งวันแบบไม่ต้องการพัก ทำงานได้ต่อเนื่องอย่างแม่นยำไม่มีอาการอ่อนล้า สามารถตอบสนองได้ทันที และไม่มีเรื่องของอารมณ์มาเป็นส่วนประกอบ
แต่เพราะหุ่นยนต์นั้นสุดท้ายก็เป็นแค่ปัญญาประดิษฐ์ที่มนุษย์สร้างขึ้น ทำให้ยังไม่สามารถที่จะมีความคิดเป็นของตัวเอง และไม่มีระบบซับซ้อนถึงขั้นสามารถลงมือตัดสินใจทำสิ่งต่างๆ ได้ดีเท่ากับมนุษย์ ดังนั้น 5 ทักษะนี้จึงเป็นสิ่งสำคัญที่มนุษย์ยังทำได้ดีกว่าเหล่า AI ถ้าไม่อยากให้ตัวเองหมดคุณค่า หรือตกงาน ให้พัฒนาทักษะเหล่านี้ติดตัวไว้ได้เลย
1. เข้ากับลูกค้าตรงหน้าได้เป็นอย่างดี
ธุรกิจบริการเป็นอีกหนึ่งอุตสาหกรรมที่ใช้บริการ AI ได้ไม่เต็มที่ อย่างน้อยๆ ตรงหน้า Reception เองก็ยังต้องมีผู้ให้บริการต้อนรับที่เป็นคนจริงๆ อยู่ด้วยเสมอ เนื่องจากปฏิสัมพันธ์ระหว่างมนุษย์กับมนุษย์ จะช่วยให้ลูกค้าเกิดความสบายใจ และรู้สึกว่าได้รับการเอาใจใส่มากกว่าหุ่นยนต์ ทั้งรอยยิ้ม การชวนคุย และการตอบโต้อย่างมีอารมณ์ร่วม ล้วนเป็นสิ่งที่หุ่นยนต์ไม่สามารถให้ได้
2. พัฒนาตัวเองอยู่ตลอดเวลา
ทักษะนี้ที่ทำให้เราเหนือกว่าหุ่นยนต์อย่างเห็นได้ชัด เพราะหุ่นยนต์ต้องรอการตั้งค่าโปรแกรมที่ถูกพัฒนาขึ้น แต่สำหรับมนุษย์แล้วสามารถขวนขวาย หาความรู้ใส่ตัวได้ตลอดเวลา และพัฒนาตัวเองต่อไปได้แบบไม่มีสิ้นสุด ดังนั้นในการทำงานที่ดี ควรจะศึกษาสิ่งต่างๆ ช่างสังเกต และจับจุดในการทำงานให้เก่ง เพื่อที่ว่าเราจะสามารถแก้ไข ปรับปรุง และพัฒนาตัวเองให้เหนือกว่าหุ่นยนต์ได้ในทุกๆ ด้าน
3. เข้าใจความรู้สึกของลูกค้า
การพูดคุยกันระหว่างคนกับคนจะช่วยให้ลูกค้ารู้สึกสบายใจ และอีกหนึ่งหัวใจสำคัญที่ทำให้มนุษย์มีแต้มต่อเหนือกว่า AI ก็คือ เรื่องของความเข้าใจอีกฝ่าย เพราะคนเราสามารถสังเกตกิริยา ท่าทาง และสีหน้าของคู่สนทนาได้ว่า เขาต้องการอะไรเพิ่มเติมหรือไม่ และตรงจุดนี้เองที่หุ่นยนต์จะทำเพียงหน้าที่ของมัน แต่เราสามารถปรับเปลี่ยนสถานการณ์และแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าได้อย่างดีเยี่ยม
4. แนะนำสิ่งต่างๆ ที่ดีที่สุดกับลูกค้าอย่างตรงเป้า
เพราะหุ่นยนต์ไม่มีความคิดสร้างสรรค์เท่ากับมนุษย์เรา ทำให้ไม่สามารถตัดสินใจในเรื่องต่างๆ เองได้อย่างเฉียบขาด เช่น การเลือกสรรสิ่งดีๆ ให้กับลูกค้า หุ่นยนต์เพียงแต่นำเสนอสิ่งที่ถูกป้อนข้อมูลไว้ แต่เราสามารถสังเกตและนำเสนอสิ่งที่อาจจะเหมาะกับลูกค้าจริงๆ และเพิ่มโอกาสในการเพิ่มยอดขายได้ เช่น ธุรกิจเสื้อผ้า เราสามารถสังเกตรสนิยมการแต่งตัวของลูกค้า และแนะนำชุดที่คิดว่าลูกค้าน่าจะชอบ การสังเกตเล็กๆ น้อยๆ นี่แหละที่เป็นทักษะอันยิ่งใหญ่ที่เราควรมี
5. ให้บรรยากาศที่เป็นมิตร สนิทสนม
ทักษะสุดท้าย คือ การทำตัวเองให้เป็นมิตรกับคนรอบข้าง ยิ้มแย้ม แจ่มใส และพูดคุยด้วยความเป็นธรรมชาติ จริงใจ จะทำให้ลูกค้ารู้สึกประทับใจและอยากกลับมาใช้บริการบ่อยๆ เหมือนเช่นนักขายที่คุยเก่งและทำให้ลูกค้ากลายเป็นเจ้าประจำ หรืออย่างร้านกาแฟที่เรียกชื่อลูกค้าคนเดิมซ้ำๆ และถามทันทีที่เห็นหน้าว่า ‘วันนี้รับแบบเดิมนะครับ’ ก็จะทำให้ลูกค้าเกิดความรู้สึกประทับใจมากกว่าจะให้หุ่นยนต์มาเป็นคนจดจำ และให้บริการ
