หลายเดือนที่ผ่านมา จะเห็นได้ชัดว่าสถานการณ์การท่องเที่ยวของไทยแทบจะเรียกได้ว่าเกิดวิกฤติถึงขีดสุดจากหลายๆ ปัจจัย เป็นโดมิโน่ทางเศรษฐกิจที่กระทบชิ่งไปทุกส่วน ต่อกันเป็นทอดๆ จนพ่อค้าแม่ขายบ่นไปในทางเดียวกันว่าลูกค้าหายไปจำนวนมาก ที่มีมาก็จับจ่ายน้อยลง อีกทั้งคนที่หันมาทำธุรกิจส่วนตัวก็มีมากขึ้น กลายเป็นอุปสงค์ อุปทานไม่สอดคล้องกัน เกิด Over Supply ในหลายๆ ธุรกิจ
ยังไม่นับรวมนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เคยเป็นความหวังของธุรกิจท่องเที่ยวไทย จากพระเอกกลายเป็นตัวประกอบ ซึ่งไทยอาจไม่ใช่ เป้าหมายแรก ของนักท่องเที่ยวจีนรวมถึงนักท่องเที่ยวต่างชาติอีกต่อไป ซึ่งพบว่าส่วนใหญ่หันไปท่องเที่ยวประเทศใกล้เคียงแทน โดยเฉพาะตัวเลขนักท่องเที่ยวจีนที่เดินทางเข้าไทยลดลงอย่างต่อเนื่องตั้งแต่เดือน ก.ค. 2561 และลดลงเรื่อยๆ จนส่งผลกระทบให้เมืองท่องเที่ยวอย่างเชียงใหม่ ภูเก็ต และพัทยา เป็นต้น จนภาครัฐต้องเร่งแก้ปัญหานี้ ด้วยออกมาตรการต่างๆ เพื่อกระตุ้นการเที่ยวเที่ยวไทยให้กลับมาคึกคักอีกครั้ง
จากรายงานสถานการณ์จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางเข้าประเทศไทยเดือน ก.ค. 2561 ที่ผ่านมา พบว่า ชาวจีนยังครองแชมป์ อันดับ 1 ด้วยจำนวน 929,771 คน แต่เมื่อเทียบกับปี 2560 พบว่า ลดลงร้อยละ 0.87 (938,000 คน) โดยจำนวนได้ลดลงอย่างต่อเนื่อง ในเดือน ส.ค. 2561 นักท่องเที่ยวจีนลดลงเหลือ 867,461 คน น้อยกว่าปี 2560 ถึงร้อยละ 11.77 (983,000 คน)
วันนี้ Smart SME ได้รวบรวมสถานการณ์ในจังหวัดท่องเที่ยวสำคัญๆ ที่สะท้อนให้เห็นภาพของวิกฤติการณ์ด้านการท่องเที่ยว ไว้ ดังต่อไปนี้
จังหวัดเชียงใหม่
26 สิงหาคม 2561 เพจเฟซบุ๊ก เชียงใหม่นิวส์ ได้มีรายงานข่าวของกลุ่มผู้ประกอบการรถเช่า ย่านถนนราชวิถี ซอย 1 อ.เมืองเชียงใหม่ ที่เผยถึงบรรยากาศการท่องเที่ยวเชียงใหม่ในกลุ่มทัวร์ฝรั่งว่า ไม่คึกคักเหมือนในอดีต แม้จะมีทัวร์จีนเข้ามาไม่ขาดสาย แต่กิจการรถเช่า ห้องพัก จะวนเวียนในกลุ่มผู้ประกอบการที่เป็นทุนจีน ซึ่งจ้างคนไทยหรือคนในท้องถิ่นเป็นผู้ดูแล หรืออาจมีภรรยาเป็นคนในพื้นที่
นอกจากนี้ บรรดากิจการเกสต์เฮ้าส์ หลายแห่งปิดประกาศขาย และบางพื้นที่ ประกาศขายพร้อมมีใบอนุญาตสร้างโรงแรมที่พักให้ อีกทั้งมีหอพักเปิดบริการ เป็นจำนวนมาก ทำให้ที่ผ่านมาที่พักในรูปแบบเกสต์เฮ้าส์เป็นที่นิยมของชาวต่างชาติโดยเฉพาะโซนยุโรป แต่เมื่อมีการตรวจเข้มของภาครัฐ (พ.ร.บ.โรงแรม พ.ศ.2547) ใช้บังคับ ทำให้เกสต์เฮ้าส์ได้รับผลกระทบ นักท่องเที่ยวซบเซา ลดจำนวนลงอย่างมาก โดยเฉพาะเมื่อช่วง 2 เดือนที่ผ่านมา
2 ตุลาคม 2561 : คลิปฉาวคนขับตุ๊กๆ สี่ล้อแดงเชียงใหม่รุมจะทำร้ายคนขับแกร็บคาร์ที่สถานีขนส่งอาเขตเชียงใหม่ทางด้าน พันตำรวจเอกปิยะพันธ์ ภัทรพงศ์สินธุ์ รอง ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดเชียงใหม่ กล่าวว่า เหตุที่เกิดขึ้นได้สอบสวนคนขับรถตุ๊กๆ แล้วและให้ทาง ตำรวจ สภ.แม่ปิง ดำนินคดีทุกข้อหาทั้ง ก่อความวุ่นวายในที่สาธารณะ พกพาอาวุธที่สาธารณะ แต่งกายไม่สุภาพ ขมขู่คุกคาม โดยทางสำนักงานขนส่งจังหวัดเชียงใหม่ก็พักใบอนุญาตขับขี่ด้วย ส่วนแกร็บคาร์ก็ถูกดำเนินการตามกฎหมายที่นำรถมาใช้ผิดประเภท
18 ธันวาคม 2561 : นักแสดงอย่างหนุ่มกาย รัชชานนท์ สุประกอบ โดนรถแดงฟันราคามหาโหด ขณะที่เดินทางไปถ่ายรายการที่ จ.เชียงใหม่ แล้วเจอเหตุการณ์โก่งราคาจากรถสองแถว อย่างจังๆ โดยรถแดงเรียกค่าโดยสาร ระยะทาง 1 กิโลเมตร ในราคา 600 บาท จนทนไม่ไหวต้องอัดคลิประบายความในใจผ่านไอจีส่วนตัว ซึ่งเรื่องค่าโดยสารมหาโหดของรถแดงเชียงใหม่ เป็น “ชื่อเสีย” ที่รู้กันดีในกลุ่มนักท่องเที่ยวต่างชาติ จนอาจจะกลายเป็นเหตุผลหนึ่งในการตัดสินใจเลิกมาเที่ยว ซึมซับบรรยากาศ วัฒนธรรมสวยงาม แต่ค่าโดยสารแสนแพง
จังหวัดภูเก็ต
1 สิงหาคม 2561 : นายวิชิต ประกอบโกศล นายกสมาคมไทยธุรกิจการท่องเที่ยว (แอตต้า) เปิดเผยว่า หลังจากเกิดเหตุเรือล่มที่ จ.ภูเก็ต ได้ส่งผลกระทบต่อยอดนักท่องเที่ยวจีน โดยเฉพาะในกรุ๊ปทัวร์ของเดือน ก.ค.ที่ผ่านมา ประมาณ 20-30% ทั้งนี้ สมาคมอยู่ระหว่างการติดตามผลกระทบและความเชื่อมั่นของนักท่องเที่ยวจีนในเดือน ส.ค. เพื่อให้กลับมาเที่ยวไทยเช่นเดิม อีกทั้งยังได้เดินทางโรดโชว์ไปใน 4 เมืองใหญ่ ได้แก่ ชิงเต่า เทียนจิน นานจิง และเหอเป่ย ระหว่างวันที่ 16-21 ก.ย. เพื่อเรียกความเชื่อมั่นและกระตุ้นตลาด
26 กันยายน 2561 : นายยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) กล่าวว่า ในช่วงวันชาติจีน หรือ “โกลเด้น วีค” ระหว่างวันที่ 1- 7 ตุลาคม 2561 จะมีนักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามาประเทศไทยลดลงร้อยละ 0.7 เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา ซึ่งคาดการณ์ว่าเป็นผลมาจากเหตุการณ์เรือล่มที่จังหวัดภูเก็ต เมื่อวันที่ 5 กรกฎาคม ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นเรื่องที่น่าเสียดาย
16 ตุลาคม 2561 : ปิด “อ่าวมาหยา” ทำเกาะพีพีร้าง บรรยากาศท่องเที่ยวสุดเหงา ผู้ประกอบการวอนกรมอุทยานฯ ทบทวนเรื่องนี้ใหม่
เมื่อวันที่ 6 ต.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศการท่องเที่ยวทางทะเลบริเวณเกาะพีพี ต.อ่าวนาง อ.เมือง จ.กระบี่ เป็นไปอย่างเงียบเหงา โดยเฉพาะการเดินทางไปท่องเที่ยวทางทะเลไม่คึกคักเหมือนปกติ นักท่องเที่ยวลดน้อยลง เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมาในช่วงเดียวกัน โดยตามชายหาดต่างๆ รอบเกาะพีพี จากเดิมที่มีเรือทัวร์อยู่ในแต่ละอ่าวนับร้อยลำ แต่ในปัจจุบันมีเรือเข้าไปเที่ยวตามหาดต่างๆ เพียงไม่กี่ลำ โดยผู้ประกอบการบนเกาะเชื่อว่าเป็นผลมาจากกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ประกาศปิดอ่าวมาหยาต่อเนื่องตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค.เป็นต้นไป โดยไม่มีกำหนด จนกว่าทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งจะฟื้นฟูเข้าสู่สภาพปกติ
26 กันยายน 2561 “ภูเก็ต” เป็นอันดับต้นของจังหวัดเป้าหมายที่จะไปชมความสวยงามของท้องทะเล โดยเฉพาะช่วง High season ที่พื้นที่ต้องเต็มไปด้วยผู้คนจำนวนมาก อย่างไรก็ตาม ในปีนี้กลับไม่เป็นไปตามเหมือนทุกครั้งที่ผ่านมา เมื่อสถานที่ต่างๆ ในภูเก็ตเต็มไปด้วยบรรยากาศสุดเงียบเหงา ไร้เงานักท่องเที่ยว โดยผู้ใช้เฟซบุ๊ก Jimmy Elizabeth Sea Trip ได้โพสต์ข้อความว่า การท่องเที่ยวภูเก็ตปีนี้หนักมาก…ธุรกิจต่ำสุดในรอบ 10 ปีโรงแรมที่ป่าตองประกาศขายหลายแห่ง…ร้านอาหารร้านนวดปล่อยเซ็ง..ลูกค้าไม่มี…ให้เห็นเหตุการณ์โซนป่าตองเวลา…15.00 Pm วันนี้ 10 ธ.ค. 61 แล้ว..หน้าไฮจริงหรือ???
เมืองพัทยา
เรื่องราคาอาหารแพงเกินจริง ที่ยังเป็นหนึ่งในปัญหาของธุรกิจท่องเที่ยวไทย ล่าสุด เฟซบุ๊ก Noodle K. H MooHaas โพสต์ภาพและข้อความเตือนภัยลงในกลุ่ม พัทยาทอล์ค ว่า กุ้งแช่น้ำปลา 5 ตัว ราคา 400 บาท ซื้อจากร้านแห่งหนึ่งในพัทยา อาหารแพงเกินจริงมาก ผิดเองที่หิวและไม่เช็กราคา
นี่เป็นเพียงส่วนหนึ่งที่เราได้รวบรวมมา เชื่อว่าเสียงที่สะท้อนออกไปในครั้งนี้ จะเป็นเสียงเล็กๆ ที่ช่วยกระตุ้นให้ผู้ประกอบการ ภาครัฐ ภาคเอกชน และหน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้องตระหนักถึงความสำคัญด้านการท่องเที่ยว และเร่งฟื้นความเชื่อมั่นให้นักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติให้ฟื้นและยืนได้ในเร็ววัน