เซลสุกิ ย้ำ ไลน์ ไม่ได้ฮุบกิจการ การควบรวมเพื่อสนอง SME มากยิ่งขึ้น


จากกรณีที่ ไลน์ ประเทศไทย ประกาศควบรวมธุรกิจกับ เซลสุกิ ผู้ให้บริการระบบบริหารจัดการ ด้านการสั่งซื้อสินค้าบนโซเชียลคอมเมิร์ซแบบครบวงจร มีผลตั้งแต่ 6 ธ.ค. 61 ส่งผลให้พนักงานโซเชียลคอมเมิร์ซของเซลสุกิ เป็นส่วนหนึ่งของทีม ไลน์ ประเทศไทย

ขณะเดียวกันก็ได้แต่งตั้ง นายเลอทัด ศุภดิลก ผู้ร่วมก่อตั้งและประธานบริหารจัดการของเซลสุกิ เป็นผู้บริหารฝ่ายอีคอมเมิร์ซของ ไลน์ ประเทศไทย ส่วนโซลูชั่นด้านโซเชียลคอมเมิร์ซต่างๆ ของเซลสุกิ ก็ถูกถ่ายโอนมายัง ไลน์

พร้อมกันนั้น นายอริยะ พนมยงค์ กรรมการผู้จัดการ ไลน์ ประเทศไทย ก็ได้ชี้แจงผ่านการยกผลสำรวจของ PwC บริษัทตรวจสอบบัญชีรายใหญ่ของโลก ที่ระบุว่าการซื้อขายผ่านทางโซเชียลมีเดียมีสัดส่วนถึง 51% ของตลาดอีคอมเมิร์ซทั้งหมด และมีมูลค่ารวมถึง 3.1 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ ทั้งผู้บริโภคไทยที่ช้อปผ่านโซเชียลคอมเมิร์ซมีสัดส่วนที่สูงกว่าค่าเฉลี่ยทั่วโลกถึง 3 เท่า การควบรวมธุรกิจครั้งนี้ จึงเป็นการวางรากฐานที่แข็งแกร่งให้กับธุรกิจอีคอมเมิร์ซของ ไลน์ ประเทศไทย เนื่องจากเซลสุกิ มีศักยภาพที่จะให้ผลตอบแทนคุ้มค่าจากการรวมธุรกิจ

ต่อมา Smart SME ได้สอบถามกับ นายภัทร เถื่อนศิริ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เซลสุกิ เพื่อขอคำชี้แจง ซึ่งก็ได้เล่าว่า การควบรวมนี้ สืบเนื่องมาจากพันธกิจที่ต้องการทำเพื่อ SME โดยเซลสุกิ ไม่ได้ปิดบริษัท หรือขายออกไป สิ่งที่ทำร่วมกัน คือเรามีซอฟแวร์ตัวหนึ่ง แล้วนำไปพัฒนากับไลน์ต่อ เพื่อตอบสนองการทำธุรกิจ SME ให้มากยิ่งขึ้น เนื่องจากการซื้อขายผ่านออนไลน์ของคนเอเชีย โดยเฉพาะผู้บริโภคชาวไทย จะมีพฤติกรรมไม่ค่อยผ่านตัวกลาง หรือมีลักษณะคล้ายกับการซื้อขายผ่านตลาดนัด เพราะต่อให้ลงราคาไป คนไทยก็มักแชทเข้ามาถามผู้ค้าอยู่ดีว่าราคาเท่าไหร่ จึงทำให้การซื้อขายผ่านโซเชียลมีเดียเกิดขึ้น และเติบโตอย่างต่อเนื่อง อย่างในฝั่งของบริษัทเซลสุกิเองก็มีการเติบโตมาตลอดจนถึงปัจจุบัน

ด้านมูลค่าการซื้อขายขอไม่เปิดเผย สำหรับพนักงานที่ถ่ายโอนไปไลน์ ส่วนใหญ่เป็นตำแหน่งดีเวลลอปเปอร์ ย้ำว่าเซลสุกิ ไม่ได้ปิดบริษัท เพราะมีอีกหลายโปรดักส์ที่ต้องพัฒนาต่อ ส่วนผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวกับไลน์ ทางบริษัทฯ ก็ยังทำต่อไป