เวียดนาม กลายเป็นประเทศน่าลงทุนที่ฮอตสุดในเอเชีย


สำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ กรุงฮานอย เผยการจัดอันดับของนิตยสาร ฟอร์บ ที่ระบุว่า เวียดนามเป็นปลายทางการลงทุนที่ร้อนแรงที่สุดในเอเชีย โดยในปี 60 เวียดนามดึงดูดการลงทุนจากต่างชาติมูลค่า 17,000 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ซึ่งถือว่ามากที่สุดสาหรับตลาดเกิดใหม่เมื่อเทียบกับ GDP มูลค่า 250,000 ล้านเหรียญสหรัฐฯ

ในช่วงไตรมาสแรกของปี 61 เวียดนามเป็นตลาด IPO (Initial Public Offering) ที่ใหญ่อันดับ 4 ในภูมิภาค แซงหน้าประเทศเกาหลี สิงคโปร์และออสเตรเลีย ตลาดอสังหาริมทรัพย์ในเมืองโฮจิมินห์กำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว และ GDP เพิ่มขึ้นราว 7% ต่อปี

และคาดว่าข้อตกลงความครอบคลุมและก้าวหน้าเพื่อหุ้นส่วนการค้าภาคพื้นเอเชีย-แปซิฟิก (CPTPP) และความตกลงด้านการค้าเสรี ระหว่างสหภาพยุโรปและเวียดนาม (EVFTA) จะมีผลบังคับใช้ในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า ซึ่งจะช่วยให้เวียดนามเข้าถึงเศรษฐกิจโลกมากยิ่งขึ้น ทั้งในปี 63 กรุงฮานอยจะเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขัน Formula 1 Grand Prix อีกด้วย

การพัฒนาอย่างรวดเร็วเช่นนี้ของเวียดนามมาจากการตั้งเป้าพัฒนาเศรษฐกิจที่มุ่งเน้นที่แรงงานที่มีประสิทธิภาพสูงในการผลิตสินค้าส่งออก ทำให้กระแสเงินทุนไหลเข้าประเทศมากขึ้น โดยเฉพาะการลงทุนมาจากประเทศพัฒนาในเอเชีย เช่น ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ และไต้หวัน ซึ่งมีการลงทุนมากกว่า 90% ในภาคการผลิต

เวียดนามจึงกลายเป็นส่วนสำคัญในห่วงโซอุปทานสินค้าของโลก ตั้งแต่สินค้าสมาร์ทโฟน และอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ จนถึงปลาดุก และมะม่วงหิมพานต์ ทั้งอยู่ในสถานะที่เป็นผู้รับประโยชน์ที่สำคัญจากความตึงเครียดในเทรดวอร์ เนื่องจากบริษัทต่างชาติพยายามที่จะปรับโครงสร้างการจัดหาสินค้าของตน 

และแผนของรัฐบาลเวียดนามที่จะแปรรูปรัฐวิสาหกิจ ก็มีส่วนสาคัญต่อการเติบโต เพราะสามารถดึงดูดความสนใจจากนักลงทุนในหลายภาคธุรกิจ โดยเฉพาะการค้าปลีกและการดูแลสุขภาพ

สำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ กรุงฮานอย คาดว่าความสนใจลงทุนในเวียดนามน่าจะเพิ่มมากขึ้น หลังจากกฎหมายล่าสุดที่ร่างโดยกระทรวงการคลัง ได้ยกเลิกการกำหนดอัตราการถือครองหุ้นของต่างชาติในบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ ที่ปัจจุบันกำหนดไว้ 49%

นอกจากนี้ เวียดนามยังมีประชากรจานวน 95 ล้านคน โดยมีประชากรที่เป็นนักธุรกิจวัยหนุ่มสาวและมีการศึกษาจำนวนมาก รวมทั้งมีการสร้างเมืองใหม่ขึ้นอย่างรวดเร็ว และมีกาลังซื้อที่แท้จริง จึงไม่น่าแปลกใจว่า ทำไมแบรนด์ต่างชาติอย่าง แอปเปิ้ล สตาร์บัคส์ และแมคโดนัลด์ จึงมีการลงทุนในเวียดนาม พร้อมเสริมสร้างเทคโนโลยีของเวียดนามให้เติบโตอย่างรวดเร็ว