5G จะทำให้ชีวิตของเราเปลี่ยนแปลงไปอย่างไร


ในขณะที่ตอนนี้เรากำลังได้ยินคำว่า 5G กันบ่อยมาก คล้ายๆ กับว่ามันมีให้เราใช้งานอยู่แล้ว แต่ความจริงแล้วกว่าจะได้เห็นกันอย่างเป็นรูปเป็นร่างในต่างประเทศก็ต้องรอจนปี 2020 กันเลยทีเดียว ส่วนบ้านเราตอนนี้ก็มีการทดสอบและโชว์ศักยภาพของ 5G เป็นการกระตุ้นตลาดกันอย่างมากมาย

แล้วถ้าเราพากันไปใช้ชีวิตโลดแล่นอยู่บนโลกของ 5G มันจะมีอะไรเกิดขึ้นบ้าง มีอยู่ 3 เรื่องหลักๆ ที่จะเกิดขึ้นจากการใช้งานบนระบบใหม่นี้

-ความเร็วในการรับและส่งข้อมูลเร็วขึ้นกว่า 4G มากกว่า 20 เท่า
-จำนวนอุปกรณ์ที่เชื่อต่อและใช้งานทำได้มากขึ้นจากระดับ 100,000 ขึ้นสู่ระดับ 1,000,000 ชิ้น
-คำว่าดีเลย์หรือความช้าความหน่วงจะหมดไปจากโลกนี้

ซึ่งจากสามปัจจัยข้างต้นจะทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างมากมายทั้งในชีวิตของคน สังคม และเศรษฐกิจ เรามาไล่เรียงกันดูว่าอะไรบ้างที่จะเปลี่ยนแปลงและมันจะเปลี่ยนแปลงไปอย่างไร

โหลดหนังความละเอียด 4K ได้แบบเรียลไทม์
เริ่มต้นที่ความบันเทิงส่วนตัวของคนในยุคสมัยนี้ก่อนเรื่องอื่น หากเราใช้ 5G เรื่องของการกระตุกหรือการรอคอยจะหมดไป ด้วยความเร็วระดับใหม่นี้จะทำให้ทุกหน้าจอของเราพร้อมสำหรับการเรียกดูช้อมูลได้แบบเรียลไทม์ ไม่ว่าคุณอยากจะดูหนังด้วยความคมชัดระดับไหนก็ทำได้ทันที

โลกของการศึกษาจะถูกพลิกโฉม
การเดินทางเพื่อไปศึกษาในต่างประเทศหรือต่างจังหวัด อาจจะไม่จำเป็นอีกต่อไป เมื่อเราสามารถเข้าเรียนในชั้นเรียนวิชาต่างๆ ได้พร้อมๆ กับคนทั่วโลก และไม่ใช่เป็นเพียงการนั่งดูวิดีโอผ่านหน้าจอเท่านั้น แต่มันคือห้องเรียนเสมือนที่นำเอาเทคโนโลยี VR และ AR มาทำงานร่วมกันได้อย่างสมบูรณ์ที่สุด ทุกอย่างเกิดขึ้นได้บนเครือข่ายความเร็วสูงอย่าง 5G

หนุนเทคโนโลยีทางการแพทย์
แพทย์ผู้เชี่ยวชาญในสาขาต่างๆ ไม่ต้องเหนื่อยกับการเดินทางอีกต่อไป เมื่อสถานการณ์ต่างๆ พร้อมจะถูกจำลองให้อยู่ตรงหน้า เสมือนกับการเข้าร่วมการผ่าตัดจริง แม้ว่าจะอยู่ห่างไกลกันครึ่งโลก ทำให้ทีมงานแพทย์จากทั่วทุกมุมโลกพร้อมที่จะทำงานร่วมกันได้ตลอดเวลา โรงพยาบาลทุกแห่งในไทยจะสามารถทำงานร่วมกับทีมแพทย์ระดับโลกได้อย่างทั่วถึง

การเปลี่ยนโฉมหน้างานด้านบริการ
เครื่องจักรในอุตสาหกรรมมักจะเป็นเครื่องมือที่ใช้เทคโนโลยีขั้นสูง ทำให้การบำรุงและดูแลรักษานั้นต้องการความสามารถของผู้เชี่ยวชาญ ซึ่งมักจะมีจำนวนน้อยและไม่ใช่คนที่อยู่ในประเทศ ทำให้เกิดความไม่สะดวกในการให้บริการในหลายๆ กรณี แต่เมื่อมี 5G อะไรที่เคยคิดว่าเป็นไปไม่ได้ก็จะเป็นไปได้ เมื่อโลกของการรีโมททำได้สมบูรณ์แบบมากที่สุดอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน การควบคุมและการซ่อมบำรุงจากระยะไกลจะกลายเป็นเรื่องง่ายๆ

ลดความสูญเสียจากสาธารณภัย
การเตือนภัยก็เป็นเรื่องของความเร็วและความต่อเนื่องของการส่งข้อมูลจากเซนเซอร์จำนวนมาก ที่ต้องการความเร็วและความต่อเนื่องในการส่งข้อมูลเตือนภัย ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของแผ่นดินไหว พายู และซึนามิ ยิ่งระบบมีความเสถียรมากขึ้นเท่าใดก็จะช่วยลดความสูญเสียได้มากขึ้นเท่านั้น

Big Data
ความสามารถเรื่องของจำนวนอุปกรณ์ที่สามารถเชื่อมต่อเข้ากับเครือข่ายในจำนวนที่มากขึ้น ก็จะทำให้เกิดการรับและส่งข้อมูลจากส่วนกลางและระหว่างอุปกรณ์ต่างๆ มากขึ้น นั่นทำให้เรื่องของ Big Data มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น เพราะยิ่งทำการเก็บรวบรวมข้อมูลได้เร็วและมากขึ้นเท่าใด การวิเคราะห์ข้อมูลก็จะทำได้รวดเร็วและแม่นยำมากขึ้นเท่านั้น

การพัฒนาระบบการเงิน
การพัฒนาด้านการเงินจะสามารถเปลี่ยนแปลงได้อย่างรวดเร็ว ทำให้การนำเอาเทคโนโลยี block chain เข้ามาใช้กับโลกของการเงิน ทำได้ทั่วถึงมากขึ้นและเร็วขึ้นตามประสิทธิภาพของระบบเครือข่ายที่เพิ่มเข้ามา การเปลี่ยนแปลงของรูปแบบทางการเงินจะเกิดขึ้นเร็วกว่าเดิม

รถยนต์ไร้คนขับจะมาเร็วขึ้น
สาเหตุหนึ่งที่ทำให้การทำงานของรถไร้คนขับยังไม่สามารถทำงานได้ดีพอก็คือ เรื่องความเร็วของเครือข่าย ด้วยความเร็วของ 4G ยังไม่สามารถตอบสนองการส่งข้อมูลเพื่อการประมวลผลของบรรดาเซนเซอร์รอบตัวรถได้ ทำให้การคาดการณ์การตัดสินใจของรถที่ไร้คนขับยังไม่รวดเร็วพอที่จะนำออกมาใช้บนถนนที่มีการจราจรแออัดมากๆ ได้ แต่ถ้าเป็น 5G คาดกันว่ารถยนต์ไร้คนขับจะสามารถออกมาวิ่งบนถนนได้เร็วขึ้นแน่นอน

จากคุณสมบัติหลักๆ ของ 5G จะพบว่าหลักๆ และเป็นเรื่องความเร็วที่เพิ่มมากขึ้น ส่งผลให้ความเชื่องช้า หรือความหน่วงต่างๆ ที่เคยมีอยู่หมดไป นอกจากนั้นยังสามารถทำให้ข้อมูลไม่ว่าจะเป็นภาพและเสียงขนาดใหญ่สามารถส่งผ่านไปยังอุปกรณ์ที่เชื่อมต่อในจำนวนที่มากกว่าเดิม ทำให้เทคโนโลยีอย่าง AI, IoT, Blockchain, AR และ VR เกิดขึ้นได้อย่างเป็นรูปธรรม