ในช่วงเวลาที่เกิดสงครามการค้าระหว่างมหาอำนาจอย่างสหรัฐ-จีน ทำให้ “อินเดีย” เป็นตลาดทางเลือกที่น่าสนใจไม่น้อย โดยในช่วง 11 เดือนแรกของปี2561 ไทยส่งออกไปยังอินเดีย 7,003 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ขยายตัว เพิ่มขึ้น 20.7% มีสัดส่วน 3% ของการส่งออกภาพรวม โดยเฉพาะในเดือนล่าสุดเดือนพฤศจิกายน มีการส่งออกมูลค่า 585 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ขยายตัว 3.6% ซึ่งเป็นตลาดที่เติบโต สวนทางการกับภาพรวมการส่งออกไทยที่ติดลบ 0.95%
สำนักงานส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ ประจำเมืองมุมไบ ประเทศอินเดีย ระบุว่า ในปี 2562 ตลาดอินเดียยังถือเป็นตลาดที่มีศักยภาพสูง เนื่องจากตลาดใหญ่มีประชากรกว่า 1,300 ล้านคน และกำลังเปลี่ยนแปลงโครงสร้างประชากร โดยจำนวนประชากรชั้นกลางที่มีอำนาจซื้อมีการเติบโตสูงขึ้น ซึ่งในปัจจุบันมี 50 ล้านคน แต่คาดว่าจะเพิ่มเป็น 580 ล้านคนในอีก 7 ปี หรือในปี 2568 ทำให้กำลังซื้อเพิ่มขึ้น 4 เท่าจากปัจจุบัน
ขณะที่ทิศทางเศรษฐกิจอินเดียปีหน้ามีแนวโน้มขยายตัว 7.9% จากปีนี้ที่คาดว่าจะขยายตัว 7.4% เป็นผลจากอานิสงส์จากสงครามการค้าจีน-สหรัฐ ส่งผลให้จีนหันมาทางอินเดียมากขึ้น นอกจากนั้น สองประเทศยังมีการขยายความสัมพันธ์ทางการค้าในเชิงลึกมากขึ้น โดยเฉพาะด้านไอที ซึ่งอินเดียถือเป็นประเทศที่มีเทคโนโลยีด้านไอทีระดับชั้นนำของโลก
ดังนั้น หากไทยสามารถขยายช่องทางเชื่อมต่อกับระบบค้าออนไลน์ของอินเดียได้จะเป็นการเปิดประตูบานใหญ่เชื่อมสู่ประเทศมหาอำนาจทั้งสองได้ นี่จึงเป็นโอกาสในการขยายช่องทางการค้าผ่าน “ธุรกิจอีคอมเมิร์ซ”
ในปี 2561 มีการคาดการณ์ว่าตลาดอีคอมเมิร์ซของอินเดีย จะขยายตัวถึง 31% โดยคนอินเดียใช้อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ในชีวิตประจำวันอย่างมาก และสามารถชำระเงินผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ได้เลย เป็นสังคมแคชเลสโซไซตี้ ทำให้การซื้อสินค้าในระบบออนไลน์ได้รับความนิยมมากขึ้น โดยเฉพาะการใช้แพลตฟอร์มยอดนิยม อย่าง Amazon ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มระดับสากล ขณะเดียวกันในอินเดีย มี “Flipkart” ซึ่งเป็นออนไลน์แพลตฟอร์มสัญชาติอินเดียที่ได้รับความนิยมอย่างสูง แพลตฟอร์มนี้จะมุ่งเน้นจำหน่ายสินค้าอุปโภค-บริโภค
ในส่วนของผู้ส่งออกไทยขณะนี้ได้มีการนำสินค้าไทยเข้าไปจำหน่ายผ่านแพลตฟอร์ม “Flipkart” อินเดียแล้ว ทั้งกลุ่มสินค้าอุปโภค-บริโภค เช่น ของใช้ ของขวัญ ของชำร่วย แฟชั่นไลฟ์สไตล์ เป็นต้น และในอนาคตมีแนวโน้มที่ขยายเพิ่มมากขึ้นในหลายสินค้า โดยมุ่งโฟกัสไปที่ประชากรชั้นกลางของอินเดียซึ่งกำลังมีการเติบโตสูงขึ้น โดยจะเน้นการผลักดันการส่งออกสินค้าไลฟ์สไตล์
อย่างไรก็ตาม หากเอกชนที่สนใจตลาดอินเดีย แต่ยังไม่มีไอเดียในการทำตลาดก็สามารถสมัครเข้าร่วมงานแสดงสินค้าของกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ ซึ่งมีจัดขึ้นทุกปี เช่น งานท็อปไทยแบรนด์ (Top Thai Brands) เป็นงานที่คัดเลือกสินค้าแบรนด์ไทยที่ศักยภาพไปจัดแสดง และมีกิจกรรมนำคณะผู้นำเข้าสินค้า-ผู้ส่งออกไปจัดกิจกรรมต่าง เช่นจับคู่ธุรกิจ หรือเจรจาการระหว่างกันอีกด้วย
ทั้งหมดนี้ หากมองในมุมของไทย นี่เป็นโอกาสสำหรับการส่งออกของไทย เพื่อทดแทนการส่งออกไปยังตลาดหลักที่ประสบปัญหาสงครามการค้า เชื่อได้ว่าหากนักธุรกิจปรับเปลี่ยนมุมมองและทัศนคติไม่ขยาดการทำธุรกิจกับชาวอินเดีย ก็จะสามารถไปทำตลาดได้อีกมากเลยทีเดียว
ภาพรวมการค้าไทย-อินเดีย
ที่มา : กรมศุลกากร