ในโลกของการตลาด นับว่าก็ยิ่งจะดูซับซ้อนมากขึ้นไปเรื่อยๆ โดยเฉพาะตั้่งแต่เราได้รู้จักกับสื่อรูปแบบใหม่อย่าง Social Media มันทำให้นักการตลาดทำการพลิกตำรากันแทบไม่ทัน แต่ไม่ว่าเครื่องมือจะมีมากขึ้นหรือเปลี่ยนแปลงไปอย่างไร ความเข้าใจในแก่นแท้ก็ยังใช้ทำมาหากินได้ในทุกยุคทุกสมัย
นักเขียนชื่อดังซึ่งกลายเป็นหนึ่งในไอคอนทางการตลาดอย่าง Seth Godin ได้ให้คำแนะนำเกี่ยวกับเรื่องของการวัดประสิทธิภาพทางการตลาด แบบลึกซึ้งและไม่มีความซับซ้อนว่า ถ้าแบรนด์ของคุณจะหายไปในวันพรุ่งนี้ใครจะคิดถึงคุณอย่างแท้จริง? นี่คือสิ่งที่แยกแบรนด์ที่มีอิทธิพลและมีผลกระทบสูงออกจากแบรนด์ที่จดจำได้ หากไม่มีใครสนใจว่าคุณจะหายตัวไปในวันพรุ่งนี้คุณจำเป็นต้องปรับแนวทางการตลาด และการสร้างแบรนด์ใหม่ ส่วนการวัดผลเรื่องอื่นทั้งหมดนั้นเป็นเรื่องรอง
แนวทางการตลาดสำหรับปี 2019
1.ให้ความสำคัญกับชุมชนไม่ใช่แค่ลูกค้า
เนื่องจากการเข้าถึงธุรกิจในระดับที่ไม่เคยมีมาก่อน ในปัจจุบันจึงเป็นเรื่องยากกว่าที่เคยในการสร้างผลิตภัณฑ์หรือบริการที่มีคุณสมบัติหรือประโยชน์ที่จะเอาชนะคู่แข่งในวงกว้างได้ แต่การที่คุณเอาชนะอุปสรรคเรื่องนี้ก็ไม่ยากจนเกินไป ให้ทำการสร้างผลิตภัณฑ์บางอย่างที่คุณสามารถทำการเชื่อมต่อที่แท้จริงกับลูกค้าหรือชุมชนของคุณ ให้ทำการเริ่มต้นสร้างชุมชนรอบแบรนด์ของคุณ
2.จำกัด ผู้ชมของคุณ
การเริ่มต้นอันดับแรกให้พิจารณาว่ากลุ่มเป้าหมายของคุณคือใครพัฒนาตัวตนของผู้ซื้อ โดยยึดตามกลุ่มเป้าหมายนั้นแล้วทำการตลาดเฉพาะกับพวกเขา แก้ปัญหาและตอบคำถาม โดยการทำเช่นนี้คุณจะสร้างความไว้วางใจ และจะได้เงินจากพวกเขาในที่สุด
3.อย่าออนไลน์ทุกที่
ในทำนองเดียวกันคุณไม่จำเป็นต้องพูดกับทุกคนในการส่งข้อความทางการตลาดของคุณคุณไม่จำเป็นต้องออนไลน์ทุกที่ ความจริงก็คือคุณไม่จำเป็นต้องกระตือรือร้นในทุกช่องทางโซเชียลมีเดียเพื่อพัฒนาแบรนด์และชุมชนที่ประสบความสำเร็จ
แต่คุณจะต้องเป็นที่ที่ผู้ชมหลักของคุณเป็นเท่านั้น หากลูกค้าหลักของคุณเป็นแม่วัยกลางคนแล้วทำไมคุณต้องอยู่ใน Reddit หรือ Snapchat หากผู้ชมหลักของคุณเป็นนักเล่นเกม Gen Z ทำไมคุณต้องใช้งบประมาณทั้งหมดในโฆษณา Facebook
ในฐานะผู้ประกอบการคุณมีเรื่องหนึ่งพันเรื่องที่ต้องกังวล ปีนี้มุ่งเน้นไปที่การสร้างการเชื่อมต่อที่แท้จริงและลึกกับผู้ชมหลักของคุณ เพิ่มคุณค่าให้กับชีวิตของพวกเขาในแบบที่คุณสามารถทำได้และเมื่อเวลาผ่านไปผลตอบแทนจะยิ่งใหญ่ ขอให้โชคดี
Wakeup vegetables ปลูกผักในกะละมังไอเดียจากการนำกะละมังที่เหลือ จากการเลี้ยงด้วงที่ไม่ประสบผลสำเร็จ มาปลูกผักบุ้ง แต่ผลตอบรับดี จาก 20 กะละมังแรก ขายหมด จึงต่อยอดปัจจุบัน มีทั้งหมด 300 กะละมัง รายได้ 6 หมื่นบาทต่อเดือน
ARCHITA แบรนด์เครื่องสำอางสุดปัง ฝีมือของบิวตี้บล็อกเกอร์สุดคิ้วท์ ที่ชื่นชอบเรื่องความสวยความงาม จนนำมาต่อยอดสร้างแบรนด์เครื่องสำอางที่มีผลิตภัณฑ์โดดเด่นโดนใจลูกค้า และสามารถขยายตลาดสู่ร้าน Beauty Retail กว่า 61 สาขาทั่วประเทศ สร้างรายได้กว่า 10 ล้านบาทต่อปี โดยมีเคอรี่เป็นพาร์ทเนอร์ในการขนส่งสินค้าจำนวนมากถึงมือลูกค้าได้อย่างไร้กังวล
ขนมถ้วยใบเตยมะพร้าวอ่อน นึ่งสดๆ จากเตา หอมนุ่ม ละมุนลิ้น เมื่อก่อนขายได้แค่วันละ 2,000 บาท แต่ปัจจุบันขายได้ วันละ 3,000 ถ้วย หรือ 600 กล่อง รายได้วันละหลักหมื่น
