ในปี 2562 ภาพการค้าและการลงทุนของเวียดนามจะมีความเปลี่ยนแปลงอย่างโดดเด่นแน่นอน เมื่อความตกลงความตกลงที่ครอบคลุมและก้าวหน้าสำหรับหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจภาคพื้นแปซิฟิก หรือ CPTPP มีผลบังคับใช้ ซึ่งสมาชิกอย่างน้อย 7 ใน 11 ประเทศ ที่ได้ให้สัตยาบันแล้ว รวมถึงเวียดนามด้วย จะสามารถลดภาษีสินค้ากันได้ทันที ถือเป็นไฮไลท์สำคัญที่จะเข้ามาเสริม “จุดแข็ง” เดิมของเวียดนาม ทำให้เวียดนามเติบโตเป็นประเทศที่มีความแข็งแกร่งในอนาคต
นอกจากเรื่อง CPTPP แล้ว จุดเด่นสำคัญที่ทำให้นักลงทุนมุ่งสู่เวียดนาม มาจากหลายปัจจัย ทั้ง ปัจจุบันอัตรการขยายตัวทางเศรษฐกิจ หรือ จีดีพี เฉลี่ย 6.5% รายได้ประชากรต่อหัวต่อปีประมาณ 2,629 เหรียสหรัฐ และจำนวนประชากรที่มากถึง 97 ล้านคน และมีอัตราการเพิ่มขึ้นของประชากรปีละ 1% ที่สำคัญประชากรส่วนใหญ่อยู่ในวัยทำงานมีอายุเฉลี่ยอยู่ที่ 31 ปี มีความต้องการบริโภคเพิ่มสูงขึ้น ซึ่งทำให้เวียดนามสามารถเป็นฐานการตลาด และยังสามารถเป็นฐานการผลิต เพราะเวียดนามถือเป็นแหล่งแรงงานที่มีค่าแรงงานต่ำเมื่อเทียบกับอื่นในอาเซียน นอกจากนี้ยังมีความพร้อมจากทรัพยากรธรรมชาติที่อุดมสมบูรณ์ และมีชายฝั่งทะเลยาวที่มีการพัฒนาท่าเรือ
และไฮไลต์ที่สำคัญอีกด้าน คือ “เสถียรภาพการเมือง” ทำให้มีการขับเคลื่อนนโยบายเศรษฐกิจที่มีเอกภาพและมีความต่อเนื่อง โดยเฉพาะเป้าหมายที่ต้องการจะปฏิรูปเศรษฐกิจของประเทศ โดยการเปิดให้นักลงทุนจากต่างชาติเข้ามามากขึ้น ตลอดจนการจัดทำแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติระยะ 10 ปี (ปี 2010-2020)
ด้วยเหตุนี้เอง จึงเห็นภาพนักลงทุนได้เริ่มให้ความสนใจขยายการลงทุนเข้าไปเวียดนามอย่างมาก ทำให้ตัวเลขการของรับส่งเสริมการลงทุน ซึ่งรวบรวมโดยสำนักงานส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ ประจำฮานอย ระบุว่า ในช่วงครึ่งปีแรกของปีนี้ มีมากถึง 1,366 โครงการใหม่ คิดเป็นเงินทุนจดทะเบียน 11,800 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือเติบโตขึ้น 8.4% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยเป็นการลงทุน ทั้งในอุตสาหกรรมแปรรูปและการผลิต ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ อย่างเช่น กลุ่มแคปปิตัลแลนด์จากสิงคโปร์ที่เข้าไปลงทุนโครงการขนาดใหญ่ และภาคการค้าส่งค้าปลีก เช่น ห้างสรรพสินค้าลอตเต้ จากเกาหลี หรือห้างบิ๊กซีจากไทยเข้าไปลงทุน
หากแยกเฉพาะในส่วนของไทยมีการลงทุนในเวียดนามมาเป็นอันดับ 9 จำนวน 12 โครงการใหม่ คิดเป็นเงินทุนจดทะเบียน 660 ล้านเหรียญสหรัฐ เลยทีเดียว
และล่าสุดปรากฎว่ามีตัวเลขจากสำนักงานบริหารเขตเศรษฐกิจ กระทรวงวางแผนและการลงทุนเวียดนาม ระบุว่า ในช่วง 11 เดือนแรก (ม.ค.- พ.ย.) ของปี 2561 มีการลงทุนจากต่างชาติในเขตเศรษฐกิจและนิคมอุตสาหกรรมมีมูลค่า 8,300 ล้านเหรียญสหรัฐฯ โครงการลงทุนใหม่จากต่างชาติในเขตเศรษฐกิจและนิคมอุตสาหกรรมมี 560 โครงการ คิดเป็นมูลค่าทุนจดทะเบียนกว่า 5,300 ล้านเหรียญสหรัฐฯ และโครงการที่ปรับเพิ่มเงินทุนเกือบ 500 โครงการ มูลค่า 3,000 ล้านเหรียญสหรัฐฯ
และหากนับถึงปลายเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา จะเห็นว่า มีโครงการลงทุนจากนักลงทุนเวียดนามในเขตเศรษฐกิจและนิคมอุตสาหกรรมประมาณ 7,500 โครงการ ด้วยทุนจดทะเบียนเกือบ 41,450 ล้านเหรียญสหรัฐฯ และโครงการลงทุนจากต่างชาติประมาณ 8,000 โครงการ โดยมีทุนจดทะเบียนกว่า 145,000 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ถือว่าเป็นตัวเลขที่น่าสนใจมากเลยทีเดียว
ภาพรวมนิคมอุตสาหกรรมในเวียดนาม
ที่มา : สำนักงานบริหารเขตเศรษฐกิจ กระทรวงวางแผนและการลงทุนเวียดนาม