ฟินาเล่ เวดดิ้ง สตูดิโอ งาน made to order


ฟินาเล่ เวดดิ้ง สตูดิโอ ก่อตั้งมานานกว่า 11 ปีแล้ว คุณสุดจิตร์ สุดจิตต์ เจ้าของร้านเล่าให้ฟังว่าแรงบันดาลใจเริ่มต้นมาจากความรู้ของตนเองที่จบเอกด้านการออกแบบเสื้อผ้ามา และอยากทำธุรกิจประเภทนี้  โดยเฉพาะการออกแบบและตัดเย็บชุดแต่งงาน ในระยะแรกก่อนที่จะก่อตั้งฟินาเล่เปิดเป็นร้านตัดเย็บเสื้อผ้าธรรมดา แต่ด้วยโอกาสจากร้านที่เปิดแล้วได้ไปคลุกคลีกับแวดวงเวดดิ้งเป็นเวลาประมาณ 8 เดือนเห็นว่าตนเองมีศักยภาพจึงได้ตัดสินใจเปิด “ฟินาเล่ เวดดิ้ง สตูดิโอ” โดยในช่วง 2-3 ปีแรกเป็นช่วงเก็บเกี่ยวประสบการณ์

 

ในระยะแรก “ฟินาเล่ เวดดิ้ง สตูดิโอ” ตั้งอยู่ที่เหม่งจ๋าย เปิดจากห้องเช่าเพียง 2 ห้อง ได้รับการยอมรับจากลูกค้าอย่างมากมาย ไม่นานก็ได้ขยายห้องด้านข้างอีก กิจการเราเติบโตมาอย่างต่อเนื่องจนวันนี้ได้ขยายมาที่ ลาดพร้าว 112

คุณสุดจิตร์ เล่าให้ฟังว่า “โชคดีที่ในระยะแรกของการก่อตั้งไม่มีอุปสรรค การดำเนินธุรกิจของเราเน้นความพอดี การลงทุนมีความระมัดระวังเราจะให้ความสำคัญลงแรงกายกับใจ แต่สำหรับทุนมีอยู่ 100 เราลงไปที่ 50  สูงสุดที่เราลงไปก็ประมาณ 70 เราจะไม่ลงถึง 100 เรื่องเหล่านี้เราระมัดระวัง งานของเราอยู่ที่กำลังกายและแรงใจที่ลงไปมากกว่า”

 

เจ้าของ “ฟินาเล่ เวดดิ้ง สตูดิโอ บอกว่า  “จุดเด่นของเราคือชุด เพราะชุดจะสวยได้ต้องมี cutting ที่ดี นอกจากนี้ยังต้องมีความละเอียดของชุดในเรื่องของการตกแต่ง เพิ่มเติมสีสันต่างๆ ลงไป วัสดุในการผลิตของฟินาเล่จะต้องดี มีเอกลักษณ์เป็นของตนเอง  แตกต่าง มีความชัดเจนของเนื้อผ้า การตัดมีการเก็บสรีระของผู้หญิงจนหมด ไม่ว่าลูกค้าจะอ้วนจะผอมเราจะสามารถจัดการให้ออกมาดูสวยงามได้” 

 

การให้บริการ เวดดิ้ง สตูดิโอ ของ “ฟินาเล่ เวดดิ้ง สตูดิโอ” ครบวงจรตั้งแต่การให้บริการด้าน การ์ดแต่งงาน เสื้อผ้า ไปจนถึงการจัดงานแต่งงาน ส่วนงานบริการเสื้อผ้านั้นก็มีตั้งแต่ เช่า ตัดเช่า ตัดซื้อ แต่สิ่งที่ไม่ดำเนินการเลยคือจำหน่ายไปยังห้องเสื้อหรือสตูดิโออื่น  

 

ด้านราคาหรืองบประมาณ หากเป็นการจัดงานแบบครบวงจร“ฟินาเล่ เวดดิ้ง สตูดิโอ” ได้ออกแบบการให้บริการตั้งแต่ระดับราคา 400,000 บาท ถึง 2 ล้านบาท แต่ถ้าหากต้องการการให้บริการแพ็คเก็จถ่ายรูปอย่างเดียวก็จะประมาณ 25,000-120,000 หรือ 130,000 บาท

 

คุณสุดจิตร์บอกถึงลักษณะของลูกค้าว่า “กลุ่มเป้าหมายของลูกค้าชัดเจนคือจะต้องมีธีมหรือแนวคิดในงานวิวาห์  ของฟินาเล่เป็นการทำแบบ made to order เป็นงานสั่งทำ สั่งตัด”

ด้านการแข่งขันของธุรกิจเวดดิ้ง สตูดิโอมีรายใหม่มากขึ้น มีความหลากหลายขึ้น มีไอเดียแปลกๆ ใหม่ๆ เกิดขึ้นมากมาย นอกจากนี้ลูกค้าตลาดเวดดิ้งเป็นลูกค้าใหม่  วิธีในการทำตลาดของแต่ละแห่งจึงไม่เหมือนกัน คุณสุดจิตร์กล่าวว่า สำหรับ “ฟินาเล่ เวดดิ้ง สตูดิโอ”จะเน้นเรื่องการให้บริการที่ประทับใจ มีความซื่อสัตย์ต่อลูกค้า โดยเฉพาะคุณภาพของสินค้าจะใส่ใจในรายละเอียด และผลิตสินค้าให้ถูกใจลูกค้า สิ่งเหล่านี้เราทำเพื่อให้ลูกค้าได้บอกต่อไปยังรายใหม่ต่อไป           

 

“เรามีชุดมากให้เลือก ถ้าชุดไหนไม่สวยก็ไม่เอาออกมา ชุดไหนเก่าหน่อยก็จะนำไปใช้เป็น pre wedding แทน  ที่นี่เข้ามาจะต้องชุดมากและสวยด้วย”คุณสุดจิตร์กล่าว

 

คุณสุดจิตร์วิเคราะห์ว่า ปัญหาที่สำคัญของการทำ เวดดิ้ง สตูดิโอ  ในระดับแนวหน้าที่ออกแบบและตัดเย็บเสื้อผ้าของตนเองคือ การลอกเลียนแบบ ตรงนี้ทำให้ธุรกิจไม่ดี เพราะว่าแต่ละแบรนด์กว่าจะสร้างชื่อเสียงขึ้นมาได้ ต้องลงทุนมากมาย

 

“เรื่องการออกแบบดีไซน์และการตัดเย็บเป็นทั้งจุดแข็งและจุดอ่อนของเรา จุดแข็งคือลูกค้าเข้ามาจะได้รับความแตกต่างเรื่องของ cutting ของเราเป็นจุดเด่น และเราถูกก๊อปปี้เป็นเรื่องธรรมดาที่เรามักเจอเสมอ  เราเชื่อว่าชุดแต่งงานเป็นชุดมงคลกว่าเราออกแบบมาได้แต่ละชุด เราลงทุนด้วยใจ วัสดุอุปกรณ์ที่ใช้เราลงทุนสูงมาก  ถ้ามาถึงฟินาเล่จะได้แบบที่หลากหลาย ไม่มีทางที่จะได้แบบที่ไม่เก๋ เวลาก๊อปปี้จะก๊อปไปได้เพียงชุดเดียว” คุณสุดจิตร์กล่าว