มัช แอนด์ มอร์ ซัคเซล คาด ธุรกิจแฟรนไชส์เฟื่อง ปี 57 เตรียมบุกอีก 30 สาขาทั่วประเทศ


บริษัท มัช แอนด์ มอร์ ซัคเซล จำกัด เป็นธุรกิจแฟรนไชส์ เปิดสอนหลักสูตรภาษาอังกฤษ และคณิตศาสตร์ ก่อตั้งแต่ปี 2549 ใน 2 ปีแรกมีแผนการทำธุรกิจในเชิงทดลองระบบหลักสูตรต่างๆ จนหลักสูตรต่างๆ เริ่มได้ที่แล้วก็ได้เริ่มขายแฟรนไชส์ให้กับบุคคลภายนอกจริงในปี 2551 เจริญเติบโตมาเรื่อยๆ จนกระทั่งถึงปี 2555 มีจำนวนสาขาเพียง 30 สาขา พอปี 2556 ขยายขึ้นมาเป็น 50 สาขา

 

หลังจากที่เป็นที่รู้จักของผู้ประกอบการเป็นจำนวนมากแล้ว คุณธนกฤต คงน้อย กรรมการผู้จัดการเล่าว่า “ในปีนี้ 2557 หวังว่าจะเพิ่มอีก 30 สาขา รวมเป็น 80 สาขาโดยมีลูกค้าในกรุงเทพฯประมาณ 10 สาขาที่เหลือกระจายอยู่ตามภูมิภาคต่างจังหวัดโดยเฉพาะอย่างยิ่งภาคอีสานหรือแถบชายแดนใต้”

 

คุณธนกฤต เล่าถึงหลักสูตรบริษัทแฟรนไชส์ให้ฟังว่า “หลักสูตรภาษาอังกฤษของเราเป็นหลักสูตรที่คิดขึ้นมาเอง โดยเริ่มต้นให้หลักสูตรของสิงค์โปรก่อน พอใช้หลักสูตรของสิงค์โปรสอนนั้นยากกับเด็กบางคนไป จึงมาปรับหลักสูตรให้เข้ากับเด็กไทย และให้เข้ากับครูไทยในการเรียนการสอนมากขึ้น เพราะว่าหลักสูตรของไทยจะเน้นในเรื่อง Grammar มากกว่า conversation”

 

ส่วนหลักสูตรคณิตศาสตร์นั้น หลังจากที่เปิดภาษาอังกฤษมาได้สักระยะ มีผู้ประกอบการที่เปิดสอนภาษาอังกฤษอยู่แล้วต้องการหลักสูตรคณิตศาสตร์สอนอีกทางหนึ่งด้วย เพรามีผู้ปกครองหลายคนต้องการให้ลูกมาเรียนภาษาอังกฤษควบคู่กับคณิตศาสตร์ด้วยในสถาบันเดียวกัน จะได้ไม่เป็นภาระในการรับส่งหลายที่ และได้พัฒนาหลักสูตรให้สอดคล้องกับกระทรวงศึกษาธิการ เพื่อง่ายต่อการจัดการแต่ละชั้นเรียน ไม่เป็นภาระผู้ประกอบการที่จะต้องมีครูเฉพาะด้านมาสอน คือสามารถหาครูในท้องถิ่นที่เพิ่งจบมาช่วยอธิบาย หรือสอนเด็กได้ทันที

 

“ในส่วนของหลักสูตรภาษาอังกฤษและหลักสูตรคณิตศาสตร์ของ ของเราจะเหมาะกับเด็กอนุบาล – ป.3 และกลุ่มป.4 – ป.6 โดยเด็กที่จะเข้ามาเรียนต้องมีการทำแบบทดสอบก่อน เพื่อวัดระดับความรู้ว่าอยู่ระดับใด ทางเราก็จะให้เด็กเรียนในส่วนนั้นก่อนโดยไม่ข้ามกระโดดทักษะของเด็กไป และที่สำคัญตอนนี้บริษัทแฟรนไชส์ของเราก็จะมีแผนพัฒนาหลักสูตรภาษาไทยเพิ่มเติ่มไปเป็นทางเลือกหนึ่งที่ผู้ประกอบการต้องการ เพื่อใช้เป็นบริการเสริมสร้างความพึงพอใจให้กับผู้ปกครอง”คุณธนกฤตกล่าว

 

จุดยืนทางการตลาดของ “มัช แอนด์ มอร์ ซัคเซล”  ตั้งไว้ที่ระดับกลางทั้งนี้เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้ากลุ่มใหญ่ของตลาด

 

คุณธนกฤต คงน้อย กล่าวถึงเงื่อนไขแฟรนไชส์ว่า  “ผู้ประกอบการจะซื้อหลักสูตรคณิตศาสตร์หรือหลักสูตรภาษาอังกฤษอย่างใดอย่างหนึ่งก็ได้ แล้วนำไปประกอบกับหลักสูตรการสอนของแบรนด์อื่นร่วมด้วยก็ไม่มีปัญหา เพราะไม่มีอยู่ในเงื่อนไขที่กำหนดไว้ และยินที่ให้ผู้ประกอบการมี Product ที่หลากหลายแต่ถ้าซื้อหลักสูตรทั้งภาษาอังฤษ และคณิตศาสตร์รวมกัน บริษัทแฟรนไชส์จะราคาลดให้เป็น 50,000 บาท”

 

“ส่วนค่าลิขสิทธิ์ภาษาอังกฤษอยู่ที่ราคา 250,000 บาท และราคาลิขสิทธิ์คณิตศาสตร์อยู่ที่ราคา 200,000 บาทเท่านั้น โดยบริษัทแฟรนไชส์ของเราสัญญาให้ 4 ปี เมื่อหมดสัญญาจ้างสามารถต่อได้ในราคา 5,000 บาท สัญญาก็จะขยายไปอีก 4 ปี”

 

คุณธนกฤต  เล่าถึงการช่วยเหลือด้านการตลาดและการทำโปรโมชั่นแฟรนไชส์ว่า “ทางเรามีการอบรมให้ฟรี ตลอดจนจัดทำชุดโปรชัวร์ต่างๆ ทำไวนิว ,  และรถกระจายเสียงให้ หากผู้ประกอบการต้องการ อีกทั้งบริษัทแฟรนไชส์จะไปช่วยส่งเสริมกิจกรรมให้ฟรีปีละ 1 ครั้ง แต่ผู้ประกอบการต้องจัดสถานที่ด้วยตัวเอง ซึ่งบริษัทแฟรนไชส์มีเฉพาะสิ่งของไปสนับสนุนเท่านั้น”

 

คุณธนกฤต เล่าถึงจุดเด่นจุดด้อยว่า “ในระบบการเรียนการสอนของโรงเรียนต่างๆ ที่มีครูสอน 1 คนต่อเด็ก 30-40 คนแต่เด็กที่ได้ความรู้มักเป็นเด็ก 5 คนหน้าเท่านั้น แต่กลางห้องถึงหลังห้องไม่ได้รับความรู้เลย ซึ่งบริษัทแฟรนไชส์นี้ จึงนำข้อบกพร่องนั้นมาปรับใช้ โดยใช้ครูแค่ 1 คน ต่อเด็ก 8 คน เพื่อแก่การดูแลของครูอย่างทั่วถึง”

 

“อย่างไรก็ตามการทำธุรกิจแฟรนไชล์ด้านสถานบันการศึกษา เป็นเรื่องที่ละเอียดอ่อน ดังนั้นจึงต้องมีความอดทน และต้องมีการศึกษาก่อนเสมอแม้จะมีสถานการณ์ต่างๆที่เราไม่สามารถควบคุมได้มากระทบก็ต้องเดินต่อไปให้ได้” คุณธนกฤต คงน้อยกล่าวในที่สุด