“ค้าขายรวย…ทำเลต้องเป็นเลิศ”


เรื่องของการค้าการขาย ไม่ว่าจะเป็นหาบเร่แผงลอย รถเข็นตามตรอกซอกซอย หรือร้านรวงตามตึกแถว รวมไปถึงร้านค้าในห้างสรรพสินค้าใหญ่ๆ ล้วนแล้วแต่ประสบปัญหาเรื่องการแข่งขันที่รุนแรงด้วยกันทั้งสิ้น

 

ยิ่งภาวะเศรษฐกิจย่ำแย่แบบนี้ บีบให้คนต้องมาเป็นเถ้าแก่เอง (โดนให้ออกจากงาน) ก็ยิ่งเพิ่มความยากในการทำมาหากินมากขึ้นไปอีก เรียกว่าคนขายจะมีมากกว่าคนซื้ออยู่แล้ว เพราะฉะนั้น คนที่คิดจะออกมาเปิดร้านทำการค้า จึงต้องคิดกันให้หนักหน่อย

 

หลายคนงัดกลยุทธ์รูปแบบใหม่ๆ ออกมาสร้างความแปลกไม่เหมือนใคร เพื่อให้แตกต่างจากคู่แข่ง ช่วงชิงลูกค้ากันแบบไม่ให้พลาดสักคนเดียว (ลูกค้าหายากจะตาย) ร้านไหนไม่ปรับปรุง ไม่พัฒนา ก็มีหวังจอดป้าย ถูกชิงลูกค้าไปจนหมดแน่ๆ

 

ฮวงจุ้ย พอช่วยให้ขายของดีได้มั้ยครับ? นี่เป็นคำถาม ที่ผมเองถูกถามอยู่บ่อยๆ เวลามีคนมาปรึกษาผมเรื่องฮวงจุ้ย ผมก็จะตอบไปว่า ช่วยได้แน่ และเป็นปัจจัยที่ค่อนข้างจะสำคัญเสียด้วย เพราะวิชาฮวงจุ้ย พูดถึงเรื่องของสภาพแวดล้อม ทำเลที่ตั้ง ทิศทาง รวมไปถึงการจัดวางข้าวของภายในร้าน การจัดหน้าร้านเพื่อดึงคนเข้าร้าน ป้ายชื่อร้าน สีสันในการตกแต่งร้าน และอีกมากมายเยอะแยะไปหมด

 

ถ้าร้านอยู่ในตำแหน่งที่เหมาะสม ถูกทิศถูกทาง จัดวางสินค้าอย่างลงตัว รับรองขายดีเป็นเทน้ำเทท่าแน่ แต่ต้องบอกเอาไว้ตรงนี้ก่อนว่า การนำหลักฮวงจุ้ยมาใช้นั้น ไม่ใช่จะช่วยให้ขายดีได้ทั้งหมด ฮวงจุ้ย เป็นเพียงหนึ่งในอีกหลายๆ ปัจจัยเท่านั้น ปัจจัยอื่นๆ ก็เช่น สินค้าที่นำมาขายต้องดีมีคุณภาพ ราคาต้องเหมาะสม และที่สำคัญคนขายต้องพูดจาดี มีมารยาทกับลูกค้า ส่วนฮวงจุ้ย จะช่วยในเรื่องของสถานที่ครับ

 

ค้าขายรวย..ทำเลต้องเป็นเลิศ” นี่เป็นคำกล่าวที่ตรงประเด็นที่สุดของฮวงจุ้ยร้านค้า ทำเลที่ตั้งของร้านถือเป็นหัวใจที่สำคัญที่สุด เพราะถ้าร้านค้าตั้งผิดตำแหน่งเสียแล้ว ย่อมส่งผลถึงการขายอย่างแน่นอน เพราะร้านต้องพึ่งลูกค้าให้เดินเข้ามา ไม่ใช่เดินเร่ออกไปขายของให้ลูกค้าถึงที่แบบสาวยาคูลท์ หรือพวกธุรกิจขายตรงทั้งหลาย เพราะฉะนั้นการเลือกทำเลขายของ จึงเป็นปัจจัยแรกที่จะต้องนำมาพิจารณาก่อนเรื่องอื่น

 

แล้วจะเลือกอย่างไรดีถึงจะได้ทำเลที่เป็นเลิศ เรื่องนี้คงต้องร่ายยาวกันพอสมควรเชียวล่ะครับ เพราะมีหลักเกณฑ์มากมายเหลือเกิน แต่ไม่เป็นไรผมจะค่อยๆ พูดไปทีละเรื่องก็แล้วกันครับ สำหรับคนที่กำลังคิดจะหาทำเลเพื่อทำการค้า ผมจะให้หลักเกณฑ์ในการเลือกทำเลที่เป็นเลิศไว้ ดังนี้ครับ

 

ทำเลต้องอยู่ใกล้คน ไม่โดดเดี่ยว ร้านค้าที่ตั้งอยู่ใกล้แหล่งชุมชนที่มีคนเดินผ่านไปมาพลุกพล่านถือเป็นทำเลทองที่ใครก็ปรารถนา เพราะโอกาสที่จะขายของได้มีสูงกว่าทำเลที่ไร้ผู้คน หลายคนบอกว่า เรื่องนี้ไม่ต้องบอกก็รู้กันอยู่แล้ว แต่หลักฮวงจุ้ยให้รายละเอียดมากไปกว่านี้ครับ จุดที่จะต้องสังเกตและถือเป็นหัวใจก็การเลือกทำเลที่ตั้งก็คือ การดูกระแสของคนเดินบริเวณนั้น (กระแสชี่)

 

หลายคนคิดแค่ว่า ได้ร้านที่อยู่ในแหล่งชุมชุนที่มีคนเยอะๆ ก็น่าจะเพียงพอแล้ว ความจริงแล้วยังไม่พอครับ ไม่ทราบเคยได้ยินกันมาบ้างไหมครับที่ว่า เลือกแค่ผิดฝั่งถนนร้านก็เจ๊งแล้ว” ถึงจะอยู่ในย่านชุมชนเดียวกันแต่ถ้าไม่ดูกระแสการไหลเวียนบริเวณนั้นให้ดี ก็มีหวังได้ทำเลทองแดง ทองเหลือง ไม่ใช่ทำเลทองแท้หรอกครับ

 

การจะพิจารณากระแสการไหลเวียนบริเวณนั้นว่าเป็นอย่างไร ก็มีหลักการสังเกตไม่ยากครับ ให้ดูสถานที่ใกล้เคียง ที่ดึงคนให้เดินไปยังสถานที่นั้น เช่น หมู่บ้าน โรงเรียน ธนาคาร ตลาดสด ถ้าร้านเราตั้งอยู่ในกระแสที่ไหลผ่าน ถือว่าทำเลตรงบริเวณนั้นดีครับ

 

จากภาพร้านที่อยู่อาคาร A ถือว่าอยู่ในทำเลที่ดีที่สุด เพราะได้รับกระแสทั้งสองด้านจากสถานที่ที่มีคนเดินพลุกพล่าน ส่วนอาคาร B ถือว่าอยู่นอกกระแสแต่ก็ยังอยู่ในฝั่งที่มีกระแสไหลผ่าน ดีกว่าอาคาร C ที่อยู่ฝั่งตรงข้ามซึ่งโดดเดี่ยวไร้คนเดินผ่านไปมา

 

ทำเลต้องไม่อยู่ในมุมอับ หรือซอยตัน  ร้านค้าที่ดีต้องมีกระแสไหลเวียน ที่ราบรื่น ไม่ติดขัด มีทางเข้า-ออกหลายทาง เพื่อความสะดวกของลูกค้าที่มายังร้าน ในทางฮวงจุ้ยบอกว่า ร้านที่อยู่มุมอับ ก็จะส่งผลให้ร้านพลอยอับโชคไปด้วย

 

จากภาพ อาคาร A, B ได้ประโยชน์จากการไหลเวียนของกระแสมากที่สุดทั้ง 4 ด้าน ส่วนอาคาร C, Dได้กระแสไหลดีรองลงมาเพราะอยู่ด้านใน อาคาร E ถือว่าอยู่ในตำแหน่งอับ รับกระแสได้เพียงด้านหน้าด้านเดียว

 

หน้ากระดาษหมดแล้ว เรื่องของทำเลที่เป็นเลิศยังมีอีกมาก ใครสนใจคงต้องตามอ่านฉบับหน้าแล้วล่ะครับ