มหกรรมชี้ช่องรวย 2014 ตั้งเป้าครอบคลุมทุกกล่มเป้าหมาย


บริษัท พีเพิล   มีเดีย  จัดงานแถลงข่าว มหกรรม SME  ชี้ช่องรวย  2014 มีการเสวนาในหัวข้อ ทางออก SME กับหลากหลายโซลูชั่นทางธุรกิจ และงานหกรรมชี้ช่องรวยจะถูกจัดขึ้นจริงในวันที่ 26-29 มิถุนายน 2557 ณ ห้างสรรพสินค้า เดอะมอล์ล บางกะปิ

      ว่าที่ร้อยตรี จักร์  ศิรธรานนท์ กรรมการรองเลขาธิการหอการค้าไทย  กล่าวว่า ช่วงจังหวะในปัจจุบันนี้  เราได้ก้าวข้ามวิกฤติไปแล้ว  ก่อนที่จะมีการเปลี่ยนแปลงในเรื่องอำนาจการบริหารประเทศ  ช่วงนั้นเราวิกฤติจริงๆ  แต่ตอนนี้สิ่งต่างๆก็ดีขึ้น  โดยเฉพาะความเชื่อมั่น  “ในตอนนี้ผมเชื่อว่าสิ่งต่างๆได้เดินไปตามสูตรของมันแล้ว  และขึ้นมาจากวิกฤตินั้น  ด้วยวิกฤติทางการเมือง  เพราะฉะนั้น SME ควรจะเอาโอกาสตรงนี้มาใช้ให้เกิดประโยชน์   และเดินหน้าทำธุรกิจต่อไป เพราะมีโอกาสค่อนข้างมาก   ฉะนั้นการที่จะกลับมาสู่ธุรกิจที่เราทำอยู่และก้าวไปข้างหน้า เป็นเรื่องที่ทุกคนต้องใส่ใจ  เพราะจะเห็นได้ว่าในขณะนี้ตัวเลขต่างๆ  โดยเฉพาะในเรื่องขิงการบริโภค  และจากการสำรวจพบว่าความคิดในเรื่องของการบริโภคของผู้บริโภคดีขึ้น  เพราะงั้นการบริโภคจะกลับมาอย่างรวดเร็ว ทำให้ธุรกิจ SME ที่โตอยู่แล้วและกำลังจะเปิดใหม่ ยอดขายจะเพิ่มขึ้น  ดังนั้นผมคิดว่าช่วงจังหวะต่างๆเหล่านี้  ระหว่างที่เรากำลังรอการปรับปรุงในเรื่องของการบริหารประเทศ  ซึ่งอาจจะไม่ใช่แนวทางเดิมๆ   เราอาจจะไม่มีนายกรัฐมาตรี  ไม่มีสภา  แต่นั่นไม่ใช่สาระสำคัญ มันขึ้นอยู่ที่ว่า ความรู้สึกของคนทั่วไปดีขึ้น  และกลับมาบริโภคสินค้าที่จำหน่ายออกมา  ก็จะทำให้ขายได้”   

     จากเดิมที   ในภาวะเดิม  เราก็มี  4  เรื่องที่เราทำอยู่ก็คือในเรื่องของ  SME เทรนนิ่ง   การให้ความรู้    การกระตุ้น SME ต่างๆให้กลับเข้ามาสู่องค์กรเดิม  จากที่เราได้ทำโครงการ SMEเทรนนิ่ง ในจังหวัดต่างๆ ก็ได้รับความสนใจและผลตอบรับที่ดีมาก   ทั้งที่ในตอนนั้นสถานการณ์ยังไม่ดีเหมือนตอนนี้   ทำให้คิดว่าจะต้องมีคนสนใจเพิ่มมากขึ้น  นับว่าเป็นโอกาสที่ดีเลยทีเดียว   ในเรื่องของ SME  เราจะดูบริษัทที่เขาประสบความสำเร็จแล้ว  เพื่อให้เกิดแรงบันดาลใจต่อไป   สำหรับงานนี้ก็มีคนประสบความสำเร็จมาก   ส่วนงานมหกรรมชี้ช่องรวย  ว่าเป็นนความคิดที่ดีและรัฐน่าจะเข้ามาช่วยด้วยซ้ำไป  ไม่ใช่ปล่อยให้เอกชนทำอยู่ฝ่ายเดียว  เพราะถ้าเราไปดูในต่างประเทศอย่างจีน   เขาจะมีสถานที่ในการจัดการแสดงสินค้า  แต่ของเราไม่มีโชว์รูมเหมือนกับของเขา   เราก็เลยต้องจัดอีเวนท์ขึ้น  เพื่อเป็นการโชว์สินค้าของเรา 

 

ทางออก SME  กับหลกหลายโซลูชั่น

        คุณนรินณ์ทิพย์    วิริยะบัณฑิสกุล  ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร  บริษัทพีเพิลมีเดีย  จำกัด กล่าวว่า เราจัดงานครั้งนี้เป็นครั้งที่ 8 แล้ว  ทางเราก็มีประสบการณ์คุ้นเคยการจัดงานในลักษณะนี้พอสมควร   การจัดงานในสักษณะนี้  เรียกได้ว่าเป็นศูนย์รวมของคนที่มางาน   บางทีทุกคนมางานในครั้งนี้คาดหวังอะไรกันบ้าง   ในด้านหนึ่งก็คือว่าเขาต้องอการโอกาสในการเข้าถึงแหล่งข้อมูลธุรกิจ   เชื่อมโยงพันธะมิตรกับทุกๆธุรกิจ    เนื่องจากคนที่มางานเราจะแบ่งได้ประมาณ   3   กลุ่ม กลุ่มแรกก็คือกลุ่มคนที่มีความฝันอยากจะทำธุรกิจ   คนกลุ่มนี้บางทีเขาอาจจะยังไม่มีธุรกิจเป็นของตัวเองเลย   และกังลังมองหาธุรกิจอยู่     กลุ่มที่สอง  ก็คือกลุ่มคนที่มีธุรกิจอยู่แล้ว   ซึ่งจากประสบการณ์ของเรา   เราจะพบว่า  กลุ่มนี้จะมีอยู่ประมาณ  30 – 40 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งจะเป็นกลุ่มที่มีธุรกิจอยู่แล้ว  แต่อยากหาธุรกิจมาเพิ่ม  เพราะว่าเขาก็ต้องการการเจริญเติบโต  จึงต้องมองหาธุรกิจใหม่ๆ เอาไว้   กลุ่มสุดท้ายก็เป็นกลุ่มคนทั่วไป  ที่เวลาจัดงาน   ก็จะมาจับจ่ายใช้สอยและมองดูโอกาสต่างๆ   เพราะฉะนั้น  เมื่อกลุ่มคน  มีทั้ง 3 กลุ่ม  ในฐานะคนจัดงาน  เราพยายามที่จะตอบโจทย์คนทั้ง  3  กลุ่มนี้ให้ครบถ้วน   แน่นอนที่สุดว่าประการแรก  เราต้องมีธุรกิจที่น่าสนใจ   ประการที่สองก็คือว่า การที่ขยายธุรกิจ  ก็ต้งมีเงินทุน  ในงานนี้เราได้รับพันธมิตรที่หลากหลาย อย่างธนาคารกรุงไทย  มหาชน   ธนาคารกรุงศรี   ธนาคารกรุงเทพ  ธนาคาร SME แบงค์   เพราะฉะนั้นจะเห็นได้ว่าการแก้ไขปัญหาทางการเงินสำคัญมาก   นอกจากจะมีบริการทางการเงินแล้ว   ปีนี้เรายังมีพันธะมิตร มาทำเรื่องเครือข่าย   ซึ่งก็ถือเป็นหัวใจสำคัญอีกอย่างหนึ่ง    นอกจากสองด้านที่ได้กล่าวไปแล้ว   ยังมีบางคน  ที่ต้องการจะลองดูว่าเวลาจะเริ่มต้นทำธุรกิจจะต้องทำยังไง   เราก็มีโซนที่คอยให้คำแนะนำว่าถ้าเราจะเริ่มต้นทำธุรกิจต้องทำยังไงบ้าง   เราจะมีผู้เชี่ยวชาญจากกรมพัฒนาธุรกิจขนาดกลางและขนาดหย่อม  คอยให้คำปรึกษา และมีการเปิดห้องอบรมอาชีพ 

 

        คุณ อุดม   ไพรเกษตร  รองกรรมการผู้จัดการ บบริษัทพีเพิล  มีเดียกล่าวว่า  คนเกือบ 40 ล้านคนสามารถที่จะเชื่อมต่อกับโลกออนไลน์ได้  อย่างปีที่แล้วยังแค่ประมาณ 23 – 24 ล้าน  ตัวเลขที่น่าสนใจอีกอย่างหนึ่งก็คือเฟสบุ๊ค  มีผู้ใช้  28  ล้าน   ไลน์  24  ล้าน   ทวิตเตอร์   4.5 ล้าน  มีวีดีโอของคนไทยอยู่บนยูทูปประมาณ  3.5 ล้านเรื่อง  แปลว่าลูกค้าของเราทุกวันนี้อยู่บนโลกออนไลน์   ทุกวันนิอินเตอร์เน็ตมีอยู่แทบจะทุกครัวเรือน   ทุกวันนี้คนที่เข้าถึงส่วนออนไลน์มันมีเยอะ   ตั้งแต่สื่อออนไลน์ได้เข้ามาแทนที่   ยอดขายของหนังสือพิมพ์ ก็ลดลง   ผู้ประกอบการสมัยนี้อย่างน้อยก็ต้องมีเฟสบุ๊คก่อน  ซึ่งถือว่าเป็นก้าวแรกของการทำโฆษณาผ่านทางออนไลน์ของ SME  ที่จริงก็ควรจะต้องเข้าใจด้วยว่าเปิดเฟสบุ๊คยังไง  และเฟจเฟสบุ๊คในไทยทุกวันนี้มีอยู่ประมาณ   1 ล้านเพจ  อันนี้ถือว่าเป็นคู่แข่งของเราในโลกออนไลน์   เวลาจะเปิดเพจใครก็สามารถทำได้   แต่เปิดเพจอย่างไรให้สามารถทำธุรกิจได้    บางทีเราอาจจะสร้างยอดไลท์เยอะ แต่ยอดคนที่อ่านไม่เยอะ  ดังนั้นผู้ประกอบการจะต้องทำตัวเป็นผู้เชี่ยวชาญในเรื่องนั้นๆ  เช่นเปิดเพจขายกาแฟ  เราก็ต้องมีเรื่องราวเกี่ยวกับกาแฟอยู่ในนั้นด้วย ไม่ใช่แค่ขายของอย่างเดียว   ส่วนเว็บไซค์ก็เป็นสิ่งที่จำเป็นเพราะมันเปรียบเสมือนเป็นศูนย์กลาง และใช้ทั้ง 2 อย่างนี้เชื่อมโยงกันให้ได้   มีฝานวิจัยว่าถ้าไม่มีชื่อธุรกิจของเราในหน้าแรก  แสดงว่าเราจะเสียลูกค้าไป  80  เปอร์เซ็นต์ เพราะมีลูกค้า  80  เปอร์เซ็นต์  ที่จะคลิ๊กดูข้อมูลเฉพาะหน้าแรก เท่านั้น

 

   ดร.วิลาส    ฉ่ำเลิศวัฒน์    กรรมการผู้จัดการ บริษัท บ๊อก  บ๊อก  จำกัด   กล่าวว่า   เราเปรียบเสมือนบัตรสมาชิก  หรือบัตรสะสมแต้ม  ที่จะให้สมาชิก  สามารถอยู่ได้   ที่เราจะเปิดธุรกิจขึ้นมามีความต้องการอยู่  2  อย่างคือ  ทำยังไงให้มีรายได้เพิ่ม และ ทำยังไงที่จะสามารถลดรายจ่ายได้   เราก็จะใช้เครื่งมือเพื่อเข้ามาช่วยตัวนี้อย่างที่ มีคนเคยบอกว่าการที่เรารักษาลูกค้าเก่าเอาไว้  5 เปอร์เซ็นต์  จะทำให้เรามีรายได้เพิ่มขึ้นอีกเท่าตัว  และยังมีอีกหลายอย่างที่ต้องศึกษา  บ๊อก บ๊อก เลยมีเครื่องมือพวกนี้ออกมา   และทุกครั้งเราจะให้ใช้บริการฟรีอยู่  1000  บาท  และให้ลูกค้าที่เป็น SME รายยเดี่ยวใช้ฟรีได้เลย   การใช้งานโปรแกรมของเราก็ไม่ยากเลย  เพียงแต่มีโทรศัพท์มือถือที่สามารถต่ออินเทอร์เน็ตได้ก็สามารถใช้งานได้แล้ว   โดยจะเข้ามาดูในการเก็บข้อมูล

 

คุณอุดมศักดิ์     โรจน์วิบูลย์ชัย  ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่  กลุ่มผู้บริหารธุรกิจขนาดกลางนครหลวง  1  ธนาคารกรุงไทย (มหาชน) กล่าวว่า  จริงๆแล้ว SME กับประเทศไทยเราอยู่คู่กันมานาน   และมีสาขาอยู่ทั่วประเทศไทย  และในการจัดงานในครั้งนี่เราเตรียมตัวมาเพื่อจะมาให้คำแนะนำผู้ประกอการ  อยากให้ลองเข้ามาคุยดู

 

    คุณชาลิดา   โรจน์วิบูล  ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่  สายงานพัฒนาผลิตภัณฑ์การตลาด SME  ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) ได้กล่าวเพิ่มเติมไว้ว่า การที่เราได้มาเข้าร่วมจัดกิจกรรมในครั้งนี้จะช่วยสร้างคู่ค้าของ SME   ให้ตัว SME ได้มีโอกาสต่อยอดและมีคู่ค้า โดนที่เราจะเข้าไปช่วยเหลือตรงนั้น โดยปกติทางกรุงศรี จะเชิญกลุ่มผู้ค้ากับผู้ขายมาคุยและแลกเปลี่ยนกัน สุดท้ายก็คือกลุ่มผู้ที่มาเข้าร่วมกลุ่มผู้ค้าหรือพันธะมิตรกลับไป  นี่น่าจะเป็นส่วนที่ช่วยผู้ประกอบการได้จริงๆ

 

    คุณปราณี  วัฒนพงศ์  ผู้จัดการแผนกบริการที่ปรึกษาอุสาหกรรม สถาบันอาหาร กระทรวงอุตสาหกรรม กล่าวว่า  ทางสถาบันอาหารก็จะมีการจัดบูธแนะนำเรื่องอาหาร ถ้าทำไม่เป็นก็สามารถเข้ามาถามได้ และยังสามารถมีการให้บริการช่วยเหลือในด้านการพัฒนาผลิตภัณฑ์ หรือช่วยทำแผนการตลาด สำหรับใครที่สนใจก็สามารถเข้ามาขอคำปรึกษาได้  แต่อาจะต้องเสียค่าทำเนียน บ้าง

 

ความพร้อมในการจัดงาน

         คุณนิธิการต์   รงรอง ผู้อำนวยการโครงการกล่าวว่า เราหวังว่าจะมีผู้เข้าร่วมงานในครั้งนี้ไม่น้อยกว่า 50,000  คน ภายในงานเราจะแบ่งออกเป็น 6 โซน แตกต่างกันออกไป และภายในงานยังมีการ  จัดกิจกรรมอบรมอาชีพระยะสั้น โดยวิทยากรผู้เชี่ยวชาญ ลงมือปฎิบัติจริง เรียนจบรับประกาศนียบัตรรับรอง จากสถาบันสอนอาชีพชี้ช่องรวย