ตลาดหลักทรัพย์ mai ร่วมกับกสิกรไทย จัดสัมมนาให้ความรู้ผู้ประกอบการ สร้างโอกาสทางธุรกิจ
โดย ประพันธ์ เจริญประวัติ ผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ ( mai ) ร่วมเปิดงานสัมมนา SMEs Seminar: จับทิศรอบด้าน….สร้างโอกาสโตแบบยั่งยืน ซึ่งจัดขึ้นเพื่อเตรียมความพร้อมให้ผู้ประกอบกิจการขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) มีความเข้าใจการบริหารธุรกิจ และสร้างแรงบันดาลใจในการพัฒนาธุรกิจให้เติบโต โดยได้รับเกียรติจากผู้บริหารบริษัทที่ประสบความสำเร็จ อย่าง นายทองมา วิจิตรพงศ์พันธุ์ และ นางสกุณา บ่ายเจริญ มา ร่วมแบ่งปันความรู้และประสบการณ์พร้อมทั้งนำเสนอแนวคิด กลยุทธ์การบริหารธุรกิจให้เติบโตอย่างยั่งยืน
พลิกฝันจากบริษัทเล็ก ก้าวสู้ที่ธุรกิจที่เติบโตและได้รับการยอมรับ
เริ่มจาก นายทองมา วิจิตรพงศ์พันธุ์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท พฤกษา เรียลเอสเตท จำกัด (มหาชน) ผู้ประกอบธุรกิจัฒนาอสังหาริมทรัพย์ประเภทบ้านทาวน์เฮา บ้านเดี่ยว และอาคารชุดที่เริ่มจากการเป็นผู้รับเหมาเล็กๆ จนกระทั้งปัจจุบันถือเป็นแบรนด์ที่ประสบความสำเร็จอย่างมากมีโครงการทั้งในไทยและต่างประเทศ สามารถเติบโตโดยผ่านวิกฤตต่างๆมามากมาย
นายทองมา เผยว่า กุญแจสำคัญที่ทำให้พฤกษาเรียลเอสเตท ประสบความสำเร็จคือ การพยายาม “ลดต้นทุนให้ต่ำกว่า” ด้วยเทคโนโลยีทันสมัยที่นำมาใช้การก่อสร้างที่ทำให้ต้นทุนต่อหน่วยลดลง สร้างบ้านได้ถูก และรวดเร็วกว่าคู่แข่ง จนเติบโตอย่างรวดเร็ว ทำโครงการเกือบทุกรูปแบบ ตั้งแต่ทาวน์เฮ้าสระดับราคา 7-8 แสน บ้านเดี่ยวหลังละ 2 ล้าน ไปจนถึงคอนโดหรูราคาหลายล้าน อย่างไอวี่ ทองหล่อ ที่ขายตารางเมตรละแสนกว่าบาท
สำหรับหลักการบริหารนั้น นายทองมากล่าว่า เขาใช้ หลักมรรค 8 ซึ่งใช้ได้ทั้งการบริหารธุรกิจให้รุ่งเรือง และแก้วิกฤติต่างๆ
“ช่วงวิกฤติเศรษฐกิจช่วงปี 40 ที่ช่วงนั้นพฤกษาเองก็ประสบปัญหาเยอะไม่ต่างจากบริษัทอสังหาฯ อื่นๆ เป็นช่วงที่ทองมาหยิบหนังสือธรรมะมาอ่านหนักๆ จนค่อยๆ แก้ปัญหาประคับประคองไปถึงฝั่ง และสามารถล้างหนี้พันกว่าล้านภายในเวลา 2 ปีกว่าๆ ผ่านพ้นทุกวิกฤติมาได้”
โดยนายทองมา ยังกล่าวอีก ความสำเร็จอีกหนึ่ง ที่ทำให้องค์กรนี้ยิ่งใหญ่ขึ้นมา คือ ต้องมุ่งมั่นและคำนึงถึงประโยชน์ของลูกค้า รวมถึงผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งหมด โดยต้องทำทุกอย่างให้สอดคล้อง อย่างเช่น บริหารเงินเดือนให้พนักงานทุกคน บริหารเงินให้คนงาน การจ่ายเงินให้ผู้ผลิต (ซัปพลายเออร์) ตรงเวลา ถ้าเมุ่งมั่น ซื่อตรง ความเชื่อมันก็จะเกิด
ด้าน นางสกุณา บ่ายเจริญ รองประธานเจ้าหน้าบริหาร บริษัท ฮอทพอท จำกำ(มหาชน)(HOTPOT)
จากจุดเริ่มต้นเพราะความที่ชอบทานสุกี้ จนมองเห็นภาพของธุรกิจ จึงเริ่มต้นสร้างแบรนด์ ภายใต้ชื่อ “โคคาเฟรซสุกี้ จนมันนี้กลายมาเป็นHOTPOT ซึ่งเป็นที่รู้จักกันดีในฐานะผู้นำบุฟเฟ่นานาชาติ
โดยนางสกุณา เผยเคล็ดลับความสำเร็จของฮอทอทคือ คือการคิด ทำอย่างไรเพื่อให้ลูกค้ารู้สึกว่า เข้ามากินแล้วอยากกลับมากินอีก และต้องมีความถี่มากขึ้น ซึ่งปัจจุบันธุรกิจร้านอาหารมีการแข่งขันสูงมาก เห็นได้จากจำนวนร้านอาหารที่มีมากขึ้นเรื่อยๆ ทำให้ถูกแชร์ลูกค้าไปตามร้านต่างๆ ฉะนั้นผู้ประกอบการต้องงัดกลยุทธ์เรียกลูกค้าเข้าร้านนั้นก็คือการหา “จุดแข็ง” ของธุรกิจที่ทำ
“เอาหารของเรามีความหลากหลาย ที่ผ่านมาเราพยายามชู “จุดเด่น” ของการเป็นบาร์อาหาร ซึ่งลูกค้าสามารถตักอาหารได้ตามที่ต้องการ ชอบกินอะไรไปตักได้ตามใจชอบ กี่รอบก็ตักไป
แต่ถ้าเป็นระบบ “สายพาน” ลูกค้าต้องเสียเวลานั่งรออาหารให้เลื่อนผ่านมา หากมีลูกค้าคนอื่นหยิบไปก่อนต้องรอรอบใหม่ ขณะเดียวกันบริษัทยังมีการจัดกิจกรรมส่งเสริมการขายเพื่อดึงลูกค้าตลอดเวลา เราอยากให้ลูกค้าได้รับประโยชน์สูงสุดเมื่อเข้ามาใช้บริการ”นางสกุณา กล่าว
นางสกุณา ยังเผยอีกว่า หลังจากบริษัทซื้อกิจการร้าน “ไดโดมอน” เข้ามาเมื่อปี 2555 ถือเป็นการเสริมทัพให้ฮอทพอทแข็งแรงและต่างจากเจ้าอื่นๆอีกด้วย เพราะเพียงแค่ลูกค้าเพิ่มอีกนิดหน่อย ก็จะได้ทั้งสุกี้และแบบปิ้งย่างในคราวเดียวกัน และนั้นก็ถือเป็นอีกหนึ่งกลยุทธ์