“กุหลาบ” ไม้ดอกสัญลักษณ์แห่งความรัก ซึ่งความนิยมในดอกไม้ชนิดนี้นับวันมีแต่จะมากขึ้น ทำให้บางช่วงเวลาดอกกุหลาบถึงกับขาดตลาด โดยเฉพาะช่วงเทศกาลวาเลนไทน์ ในเมืองไทยแหล่งปลูกกุหลาบที่ใหญ่ที่สุดอยู่ที่ อ.พบพระ จ.ตาก ซึ่งเริ่มปลูกกันมาตั้งแต่ปี 2536 ไร่กุหลาบที่นี่เป็นการย้ายฐานการเพาะปลูกจากพื้นที่ภาคกลาง อาทิ นครปฐม ราชบุรี ไปปลูกบนเขาที่ อ.พบพระ เนื่องจากมีสภาพอากาศที่เย็นทำให้วงรอบของการปลูกกุหลาบที่จะออกช่อดอกสั้นลง เพิ่มผลผลิตได้มากขึ้น และยังให้ช่อดอกที่สมบูรณ์อีกด้วย
คุณภราดร กานดา วัย 50 ปี เจ้าของไร่กุหลาบ “ปฐมเพชร” หนึ่งในชาวไร่ที่ได้ย้ายถิ่นฐานจาก จ.นครปฐม มาสร้างอาณาจักรไร่ปลูกกุหลาบที่ อ.พบพระ เมื่อหลายปีก่อน โดยนำกิ่งดอกกุหลาบพันธุ์ขาวมะลิ และสีแสด กว่า 5,000 ต้น มาจาก อ.สามพราน มาปลูก
จนเป็นที่รู้จักและเป็นที่นิยมของลูกค้า ความสำเร็จดังกล่าวทำให้คุณภราดรได้รับเลือกให้ดำรงตำแหน่งรองประธานหอการค้า จังหวัดตาก
คุณภราดร เล่าว่า ตลอดชีวิตที่ผ่านมาทำการเกษตรหลายชนิดจนมาจบที่ไร่กุหลาบ ซึ่งเป็นดอกไม้เศรษฐกิจที่มีความน่าสนใจและสร้างรายได้ดี ที่ อ.พบพระ มีพื้นที่ปลูกทั้งสิ้นประมาณ 4,000 ไร่ มีเกษตรกรเกือบ 200 ราย กุหลาบที่ปลูกในจังหวัดตาก สามารถตัดดอกเพื่อส่งขายได้ภายใน 45 วัน ต่างจากการปลูกที่ อ.สามพรานที่ต้องใช้เวลาถึง 3 เดือน ในแต่ละวันดอกกุหลาบจาก อ.พบพระ จำนวนมหาศาลกว่า 1 ล้านดอก ถูกส่งไปยังตลาดต่างๆ โดยมีปากคลองตลาดเป็นแหล่งรับซื้อกุหลาบจาก อ.พบพระ ประมาณ 80-90%ของผลผลิตต่อวัน ทำให้ อ.พบพระ กลายเป็นแหล่งปลูกกุหลาบเพื่อการค้าและการส่งออกแหล่งใหญ่ของประเทศ
แม้ว่าการปลูกดอกกุหลาบจะสร้างรายได้มหาศาล แต่ปัญหาหนึ่งที่เกษตรผู้ปลูกกุหลาบต้องประสบคือเรื่องต้นทุนและอายุสินค้าค่อนข้างสั้น ดอกกุหลาบมีการเน่าเสียง่าย เมื่อเจอกับปัญหาราคารับซื้อดอกกุหลาบตกต่ำ คุณภราดร จึงเกิดแนวคิด “แปรรูปกุหลาบสด บรรจุขวดโหล” นวัตกรรมแปลกใหม่สู่วงการเกษตร
“การแปรรูปดอกกุหลาบสด มีข้อดีคือสร้างความมั่นคงในรายได้ ซึ่งมีการประกันราคาจากบริษัทผู้รับซื้อ ไม่เหมือนกับการปลูกเพื่อตัดดอกสดขาย การนำสินค้ามาแปรรูปจึงเป็นทางออก เกิดมูลค่าเพิ่มหลายเท่าตัว ขณะเดียวกันสามารถคงความสดของดอกกุหลาบให้อยู่ได้นานนับ 10 ปี ซึ่งเราเป็นรายแรกและรายเดียวในประเทศไทย ที่เริ่มต้นปลูกและจบกระบวนการแปรรูปในพื้นที่ สินค้าของเราจึงเป็นของฝากที่เด่นใน อ.พบพระ” คุณภราดร กล่าวถึงแนวคิดการแปรรูปกุหลาบ
ขั้นตอนการแปรรูปกุหลาบ คุณภราดร อธิบายว่าเริ่มจากการนำดอกกุหลาบที่ตัดก้านแล้วมาแช่น้ำเพื่อให้ดอกกุหลาบบานได้ที่และคงความสด ทิ้งไว้ 1 คืน แล้วนำมาเข้าสู่กระบวนการเขี่ยดอก หรือเรียกว่าตกแต่ง ด้วยการใช้ซิลิก้าทราย ซึ่งนำเข้าจากประเทศญี่ปุ่นโรยลงไปในดอกกุหลาบแล้วเคาะออก เพื่อให้ทรายดูดน้ำและความชื้นจากกลีบกุหลาบให้แห้งสนิท จากนั้นนำดอกกุหลาบบรรจุในภาชนะที่รองด้วยซิลิก้าทราย โดยตั้งดอกกุหลาบขึ้น แล้วใช้ซิลิก้าทรายกลบดอกกุหลาบจนมิด ปิดฝาภาชนะให้สนิท นำเข้าตู้อบที่อุณหภูมิประมาณ 45 องศาเซลเซียส นาน 1-2 สัปดาห์ จึงนำดอกกุหลาบมาเคาะทรายออก แล้วตกแต่งบรรจุลงในขวดรูปทรงต่างๆ
สำหรับช่องทางการทำตลาดผลิตภัณฑ์กุหลาบอบแห้ง ในช่วงเริ่มแรกเน้นตลาดส่งออก โดยเฉพาะประเทศญี่ปุ่นเป็นหลัก ส่วนประเทศอื่นๆ ก็มีบ้างแต่ไม่มาก ขณะที่ตลาดในประเทศเพิ่งจะมาให้ความสนใจและวางจำหน่ายกันในปีนี้ที่ศูนย์จำหน่ายสินค้า OTOP จ.ตาก ส่วนราคาจำหน่ายนั้นจะขึ้นอยู่กับจำนวนดอกกุหลาบและขนาดโหลแก้วที่บรรจุ โดยเริ่มตั้งแต่ราคา 100 – 2,500 บาท หรือตามจำนวนดอกกุหลาบที่สั่งทำ นอกจากยังผลิตเฉพาะดอกกุหลาบอบแห้งที่ไม่ได้รับการตกแต่งใส่ขวดโหลส่งให้กับบริษัทผู้รับซื้อราว 20,000 ดอกต่อเดือน
กุหลาบแดงแปรรูปไร่ปฐมเพชร ถือเป็นสินค้าที่สร้างมูลค่าเพิ่มให้กับผลผลิตทางการเกษตร ใครที่สนใจผลิตภัณฑ์กุหลาบอบแห้งบรรจุโหล ติดต่อได้ที่คุณภราดร โทร. 08-9812-7265
