อีคอมเมิร์ชสดใส เซ็นทรัลเปิดช่อง SMEsบุกตลาดออนไลน์


ปัญหาที่สำคัญของผู้ประกอบการขนาดกลางและขนาดเล็กคือการหาช่องทางการกระจายสินค้าที่มีประสิทธิภาพ ต้นทุนต่ำ และมีศักยภาพสูง ทั้งนี้เพราะช่องทางการจัดจำหน่ายแบบเดิมมักมีเงื่อนไขและต้นทุนการเข้าตลาดที่ค่อนข้างสูง ไม่นับรวมการแข่งขันและต้องมีภาพลักษณ์ของสินค้าอยู่ในระดับดีเยี่ยม ปัจจุบันนี้การขยายช่องทางการจัดจำหน่ายผ่านเว็บไซต์ในระบบออนไลน์จึงได้อยู่ในความสนใจจากผู้ประกอบการเป็นจำนวนมาก

 

เซ็นทรัลเปิดโอกาสครั้งใหญ่

ล่าสุดธนาคาร กสิกรไทย จำกัด (มหาชน) ได้ร่วมกับเครือเซ็นทรัลกรุ๊ป เปิดช่องรับสมัครผู้ประกอบการให้สามารถนำสินค้าไปจำหน่ายบนเว็บไซต์ของธุรกิจในเครือเซ็นทรัลต่างๆ  เช่น เซ็นทรัล โรบินสัน   พาวเวอร์บาย บีทูเอส ออฟฟิศเมท และอีกหลายพันธมิตรในเครือ

 

คุณวรวุฒิ อุ่นใจ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มบริษัท ออฟฟิศเมท จำกัด (มหาชน) ประกอบด้วยธุรกิจ ออฟฟิศเมท บีทูเอส และเซ็นทรัล ออนไลน์ ในเครือเซ็นทรัลกรุ๊ป กล่าวว่าโครงการดังกล่าวทางเซ็นทรัลออนไลน์ต้องการเพิ่มจำนวนสินค้าจากผู้ประกอบการเอสเอ็มอีเป็นจำนวนมาก โดยคาดหวังว่าจะมี SMEsเข้าร่วมโครงการไม่น้อยกว่า 20,000 รายการ

 

SMEs ที่เข้าร่วมโครงการดังกล่าวจะต้องสมัครและนำเสนอผลิตภัณฑ์ผ่านเว็บไซต์www.ksmematching.com โดยกิจกรรมจับคู่ธุรกิจครั้งนี้ เป็นการนำเสนอสินค้าให้กับเครือเซ็นทรัลหรือเซ็นทรัลรีเทลคอร์ปอเรชั่น โดยจะคัดเลือกสินค้าเข้าช่องทางออนไลน์ของเครือเซ็นทรัลผ่าน 3 เว็บไซต์ได้แก่ central.co.th robinson.co.th และ officemate.co.th สำหรับสินค้าที่เซ็นทรัลจะเลือกเข้าจัดจำหน่ายในเครือข่ายออนไลน์ในครั้งนี้ประกอบด้วยเสื้อผ้าและเครื่องแต่งกาย (Fashion) นาฬิกาและเครื่องประดับ (Watch and Jewelry) ผลิตภัณฑ์ท่องเที่ยวและบันเทิง (Entertainment) หนังสือ (Book) ผลิตภัณฑ์แม่และเด็ก (Moms and Kids)  กล้องถ่ายรูปและอุปกรณ์ (Camera and Accessories)  โทรศัพท์มือถือและอุปกรณ์ (Mobile and Accessories) เครื่องใช้ในครัวเรือน (Appliance) อุปกรณ์ตกแต่งบ้าน (Home Decor and Furnishing) อุปกรณ์สำนักงาน (Office and Supply)    ผลิตภัณฑ์สุขภาพและความงาม (Perfume, Cosmetics and Health Supplement)

 

ด้านเงื่อนไขในการเช้าร่วมโครงการ ผู้เข้าร่วมกิจกรรมต้องเป็นผู้ผลิต หรือผู้นำเข้าสินค้า คือมีสินค้าเป็นของตัวเอง  ไม่จำกัดอายุของธุรกิจ คืออาจเป็นรายใหม่ที่เพิ่งเริ่มต้นธุรกิจก็ได้  ไม่จำกับรูปแบบธุรกิจว่าจะจดทะเบียนหรือบุคคลธรรมดาก็ได้ กระบวนการเลือกสรรทางเซ็นทรัลจะคัดกรองในขั้นต้นก่อน แล้วจะแจ้งกลับไปยังเจ้าของสินค้า นำสินค้ามาแสดงให้เห็นเชิงประจักษ์ หากมีคุณสมบัติและมีคุณภาพที่อยู่ในความต้องการของเครือเซ็นทรัลก็จะมีการเจรจาในลำดับต่อไป

 

ด้านค่าใช้จ่าย จะกำหนด็นค่าธรรมเนียมแรกเข้า ค่าธรรมเนียมขนส่ง และค่าธรรมเนียมอื่นๆ ขึ้นอยู่กับการตกลงกับเซ็นทรัลออนไลน์  ซึ่งจะเป็นการตกลงร่วมกันในวันนำเสนอสินค้า นอกจากนี้สินค้าที่ขายผ่านโครงการเซ็นทรัลออนไลน์ในครั้งนี้หากมียอดขายสูง และมีศักยภาพดี จะได้รับการพิจารณาให้ไปวางจำหน่ายยังห้างสรรพสินค้าในเครือของเซ็นทรัลต่อไป

 

ตลาดสดใส

คุณ ภาวุธ พงษ์วิทยภานุ กรรมการผู้จัดการและผู้ก่อตั้งเว็บไซต์ราคูเท็น ตลาดดอทคอมกล่าวว่า  ภาพรวมของธุรกิจอี-คอมเมิร์ชในเมืองไทยมีอัตราการเติบโตที่สูงแม้ว่าจะมีปัญหาทางด้านการเมืองก็ตาม ทั้งนี้ตลาดที่มีขนาดใหญ่ที่สุดยังคงได้แก่ตลาดการค้าแบบ B to G หรือการค้าขายต่อรัฐ เพราะมีมูลค่าต่อโครงการที่สูง แม้ว่าในรอบปีที่ผ่านมาจะมียอดการซื้อขายที่ลดลงบ้าง แต่ก็ยังถือว่ามีขนาดใหญ่อยู่เช่นเดิม  รองลงมาได้แก่ตลาด B to B หรือการซื้อขายระหว่างธุรกิจต่อธุรกิจที่มีอัตราการเติบโตไม่น้อยกว่า 70 เปอร์เซ็นต์  ส่วนตลาดที่มีขนาดเล็กสุดได้แก่ตลาด B to C หรือหมายถึงการซื้อขายจากบริษัทไปสู่ผู้บริโภคมีอัตราการเติบโตอยู่ที่ 30 เปอร์เซ็นต์  โดยมูลค่ารวมของตลาดอี-คอมเมิร์ชในเมืองไทยอยู่ที่ประมาณกว่า 7 แสนล้านบาท เป็นขนาดของ B to C ที่ประมาณ 120,000-140,000 ล้านบาท

 

และจากการเติบโตของธุรกิจออนไลน์และอี-คอมเมิร์ชในเมืองไทย ทำให้ต่างชาติให้ความสนใจและเข้ามาลงทุนอยู่หลายราย ตัวอย่างเช่น ราคูเท็นสัญชาติญี่ปุ่นเข้ามาจับมือกับตลาดดอมคอม การเข้ามาทำธุรกิจของลาซาด้า ธุรกิจอี-คอมเมิร์ชรายใหญ่สัญชาติเยอรมัน หรือการเข้ามาจับมือกับสนุกดอทคอมของกลุ่มเท็นเซ็นสัญชาติจีน

 

คุณภาวุฒิกล่าวว่า”ในระยะหลัง ตลาด B to C มีอัตราการเติบโตที่สูง ทั้งนี้เนื่องจากผู้ประกอบการเริ่มเข้าใจถึงวิธีการทำการค้าแบบอี-คอมเมิร์ชมากขึ้น ประกอบกับการเปิดตลาด AEC ผู้ประกอบการรายย่อย ไม่สามารถขยายไปยังประเทศต่างๆ ด้วยช่องทางปกติได้ เพราะมีต้นทุนที่สูง ดังนั้นการใช้ช่องทางนี้เพื่อเปิดตลาดไปสู่ AEC จึงเป็นโอกาสอันสำคัญ”

 

ปัจจุบันนี้ธุรกิจออนไลน์และตลาดอี-คอมเมิร์ชในประเทศไทยมีศักยภาพเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง เป็นผลมาจากมียอดผู้ใช้อินเตอร์เน็ตที่มากขึ้น โดยคาดว่ามีจำนวนสูงถึง 25-30 ล้านคน ยังไม่นับรวมถึงจำนวนคนใช้โทรศัพท์มือถือที่มีจำนวนกว่า 90 ล้านหมายเลข