กรมส่งเสริมระหว่างประเทศ จัดสัมมนาในหัวข้อ การพัฒนามาตรฐานสินค้าเกษตรไทยเพื่อเข้าสู่ตลาด AEC โดยมีวัตถุประสงค์คือ ให้ผู้ประกอบมีความการมีรู้ในเรื่องมาตรฐานของสินค้าเกษตร เพื่อเพิ่มกำไรในการส่งออกสินค้าเกษตรไทย ไปสู่ตลาดในภูมิภาคเอเชีย
ภายในงานได้รับเกียรติจากคุณ ชัยศิริ มหันตชัยสกุล ผู้เชี่ยวชาญด้านมาตรฐานสุขอนามัยสัตว์ สำนักงานมาตรฐานสินค้าเกษตรและอาหารแห่งชาติ มาเป็นวิทยาการบรรยายในครั้งนี้ โดยเนื้อหาการบรรยายเกี่ยวข้องกับกับการการนำสินค้าเกษตรเข้าสู่ AEC และการสร้างมาตรฐานให้สินค้าเกษตรของไทยสามารถไปสู่ตลาดในอาเซียนได้
คุณ ชัยศิริ มหันตชัยสกุล กล่าวว่า มาตรฐานสินค้าถูกแบ่งออกเป็น 2 ประเภท คือ ประกอบด้วย มาตรฐานทั่วไป เป็นมาตรฐานที่เป็นการแนะนำและส่งเสริมให้เกษตรกรนำไปใช้ให้เกิดประโยชน์ ส่วนมาตรฐานแบบที่ 2 เรียกว่ามาตรฐานบังคับ เป็นมาตรฐานที่ถูกกำหนดเอาไว้อย่างตายตัวว่าจะต้องเป็นอย่างไร เช่น การกำหนดไม่ให้ถั่วลิสงที่ขายตามท้องตลาดมีสารอัลฟ่าท็อกซินมากเกินไป ซึ่งถือเป็นเรื่องบังคับว่าต้องทำตามที่กำหนดไว้
ส่วนมาตรฐานสินค้าเกษตรในอาเซียน ก็ถือเป็นสิ่งสำคัญ เพราะเป็นสิ่งที่การันตรีคุณภาพสินค้าเกษตรของไทยให้สามารถส่งออดไปขายยังต่างประเทศได้ โดยที่ระบบของมาตรฐานสากล จะถูกแบ่งออกเป็น 3 ส่วน ประกอบด้วย การกำหนดมาตรฐาน การตรวจสอบและรับรอง มาตรวิทยา โดยที่ทั้ง 3 ส่วนนี้จะคลอบคลุมในเรื่องของคุณภาพทั้งในส่วนของการผลิตและการขนส่งว่าตรงตามเกณฑ์ที่กำหนดเอาไว้หรือไม่ เพราะแต่ละประเทศจะมีข้อกำหนดในการนำเข้าสินค้าที่แตกต่างกันออกไป เช่นประเทศที่เป็นมุสลิมจะไม่อนุญาตให้นำเข้าไก่ที่ถูกฆ่าด้วยการช็อตไฟ เพราะถือว่าต้องตายแบบไม่เต็มใจ แต่ต้องฆ่าแบบเชือดคอเท่านั้น ถึงจะสามารถส่งออกไปยังประเทศที่เป็นชาวมุสลิมได้ ดังนั้นเราจึงต้องดูมาตรฐานของแต่ละประเทศด้วยว่ามีข้อห้ามอะไรบ้าง ซึ่งต้องทำให้ถูกต้องทั้งในเรื่องการผลิตและการขนส่งตามที่ประเทศต่างๆ ได้กำหนดเอาไว้ด้วย ถึงจะสามารถสงออกสินค้าไปยังประเทศนั้นๆได้
ผู้ประกอบการจะทราบได้อย่างไรว่าสินค้าที่ผลิตขึ้นมานั้นได้คุณภาพและมาตรฐานหรือไม่นั้น ต้องอาศัยหน่วยรับรอง อาจจะใช้วิธีการนำสินค้าไปตรวจสอบด้วยวิธีทางวิทยาศาสตร์หรือส่งเจ้าหน้าที่เข้าไปทำการตรวจสอบก็ได้ ทำให้มาตรฐานของสินค้าเกษตรกรรมจึงกลายเป็นสิ่งที่มีความสำคัญ เพราะถ้าหากผู้ประกอบการทำไม่ถูกต้องตามที่กำหนดไว้ หรือว่ามาตรวจพบภายหลัง จะทำให้ทางผู้ประกอบการเองไม่สามารถส่งสินค้าไปยังประเทศนั้นๆได้ จนกว่าจะทำให้ถูกต้องและผ่านการตรวจสอบเท่านั้น
สำหรับประโยชน์ของการส่งออกสินค้าเกษตร เป็นการเพิ่มโอกาสทางการค้าและการเข้าถึงปัจจัยการผลิตที่มีคุณภาพในราคาที่ถูกลง พร้อมกับเป็นการยกระดับในเรื่องของคุณภาพสินค้า ให้ดียิ่งขึ้น เพื่อให้เป็นที่ยอมรับในต่างประเทศมากขึ้น แต่ผู้ประกอบการก็ต้องยอมรับด้วยว่าจะต้องมีคู่แข่งที่มากขึ้น จากในหลายๆประเทศในอาเซียน