“มุมมอง..นักบริหารใหญ่”โดย อ.มาโนช ประภาษานนท์


..เมื่อสัก 25 ปีที่แล้ว สมัยที่ผมยังเป็นนักข่าวสายเศรษฐกิจให้หนังสือพิมพ์ชื่อดังแห่งหนึ่ง ผมได้มีโอกาสได้สัมภาษณ์นักธุรกิจใหญ่ท่านหนึ่ง ถ้าผมเอยชื่อก็คงรู้จักกันทั้งประเทศ นักธุรกิจท่านนี้ มีหลักการบริหารองค์กรที่ไม่เหมือนใคร เป็นที่กล่าวถึงของคนในแวดวงธุรกิจอย่างกว้างขวาง เพราะเวลาท่านรับคนเข้าทำงาน นอกจากจะผ่านขั้นตอนปกติทั่วไปแล้ว ขั้นตอนสุดท้ายจะต้องผ่านการดูโหงวเฮ้งเพื่อเลือกคนที่เหมาะสมที่สุดเข้าทำงาน

                        เรื่องนี้ทำให้ผมสนใจมาก เพราะเป็นประเด็นที่ไม่เคยเจอมาก่อน คิดเอาไว้ในใจว่าสักวันถ้ามีโอกาสเจอท่านผู้นี้ ผมจะต้องถามให้ได้ว่าทำไมต้องดูโหงวเฮ้งด้วย มันช่วยได้แค่ไหน ทำไมถึงเชื่อเรื่องนี้ และที่สำคัญไม่กลัวใครครหาว่า “งมงาย” ไร้สาระหรือ..?

                        แล้ววันหนึ่งผมก็มีโอกาสเจอท่านผู้นี้จริงๆในงานๆหนึ่ง ผมไม่รีรอที่จะยิงคำถามนี้ เพื่อคลายความสงสัย คำตอบที่ผมได้รับ ก็ทำให้ผมอึ้งและทึ่งในเวลาเดียวกัน และเข้าใจทันทีว่า ทำไมท่านผู้นี้ถึงประสบความสำเร็จในธุรกิจได้มากมายมหาศาลขนาดนี้

                        “ผมเป็นนักธุรกิจ เป็นนักบริหาร อะไรที่ผมคิดว่าจะมีผลกระทบต่อธุรกิจ แม้จะเป็นเรื่องเล็กๆน้อยๆ ที่หลายคนอาจมองข้าม แต่ผมไม่มองข้ามผมจะเก็บเอามาเป็นข้อมูลทั้งหมด เพื่อใช้ในการวางแผนงาน อย่างเรื่องบุคลากรนี่ ผมว่าสำคัญมาก เพราะเป็นตัวจักรสำคัญที่จะทำให้งานออกมาดีหรือไม่ดี การนำวิชาโหงวเฮ้งมาใช้เลือกคนเข้าทำงาน ก็เป็นเพียงวิธีการหนึ่งที่จะได้รับรู้ข้อมูลส่วนบุคคลได้มากขึ้นนอกเหนือจากข้อมูลทางประวัติการศึกษาหรือประสบการณ์การทำงานทั่วไป”

                        เมื่อได้ฟังคำตอบแบบนี้ ทำให้ผมถึงบางอ้อ..ที่ว่า ผู้บริหารใหญ่ระดับนี้ ยังให้ความสำคัญกับเรื่องที่หลายๆคนมองว่าเป็นเรื่องงมงายไร้สาระ เป็นเรื่องที่ไม่น่าจะมาเป็นข้อมูลในเชิงธุรกิจได้เลย กลับถูกมองว่ามีความสำคัญและไม่ละเลยข้อมูลเหล่านี้ นี่คงเป็นวิสัยทัศน์อย่างหนึ่ง ที่นักบริหารอีกหลายคนไม่มี จึงไม่น่าแปลกใจเลยว่า ทำไมนักธุรกิจท่านนี้จึงได้ประสบความสำเร็จมายาวนานตราบจนถึงวันนี้

                        ผมยังโชคดีอีกอย่างที่ในงานวันนั้น ผมได้พบซินแสประจำของผู้บริหารท่านนี้ด้วย เลยมีโอกาสได้นั่งพูดคุยกัน จนได้รู้เคล็ดลับบางอย่างในการเลือกคนเข้าทำงานโดยใช้วิชาโหงวเฮ้ง ซินแสท่านนั้น เล่าให้ฟังว่า ขั้นตอนของการดูโหงวเฮ้งจะเป็นขั้นตอนสุดท้าย ผู้สมัครเข้าทำงานจะต้องผ่านขั้นตอนตั้งแต่สอบข้อเขียนสอบสัมภาษณ์ ผ่านการเช็คประวัติฯมาแล้วอย่างดีว่า เหมาะสมกับตำแหน่งงานที่จะทำ

                        “สมมุติว่า รับคนได้ 2 ตำแหน่ง ก็จะคัดคนที่ผ่านเกณฑ์มาแล้วสัก 10 คน ซึ่งในคุณสมบัติของทั้ง 10 คนนี้ความจริงแล้วเลือกใครไปทำงานเลยก็ได้ เพราะเหมาะสมทุกคน ไม่ต้องดูขั้นตอนนี้ก็ได้ แต่เพื่อให้ละเอียดมากขึ้น การดูโหงวเฮ้งจะช่วยกรองให้อีกชั้นหนึ่ง วิธีดูจะพิจารณาเรื่องความเหมาะสมกับตำแหน่งงานเป็นสำคัญ อย่างตำแหน่งทางการเงิน ก็ต้องเลือกคนที่มีลักษณะโหงวเฮ้งที่ซื่อสัตย์ ถ้าอยู่ฝ่ายขายจะต้องเลือกคนที่มีความคล่องแคล้วว่องไว มีไหวพริบดี ถ้าเลือกระดับผู้บริหาร ก็ต้องเลือกคนมีลักษณะที่วางแผนเก่ง เช่น หน้าผากจะต้องกว้างลึก เป็นต้น”

                        เป็นไงครับ ไม่ธรรมดาเลย ความจริงแล้วซินแสยังเล่าให้ผมฟังอีกหลายอย่าง เช่น โหงวเฮ้งดีเกินไปก็ไม่รับ เพราะอยู่กับองค์กรไม่นาน ราศีเป็นเถ้าแก่ตั้งแต่อายุยังน้อย หรือ โหงวเฮ้งข่มหัวหน้างานก็ไม่รับ เข้าไปก็จะมีปัญหาเรื่องการปกครอง อย่างนี้เป็นต้น

                        เท่าที่ผมทราบในองค์กรของท่านผู้นี้ มีหน่วยงานที่ดูแลเรื่องนี้โดยตรง ซึ่งไม่ใช่แค่ดูโหงวเฮ้งคนเข้าทำงานอย่างเดียว แต่จะมีผู้เชี่ยวชาญในทุกสาขา ทั้งดวงไทย ดวงจีน ฮวงจุ้ย เป็นที่ปรึกษาประจำองค์กรกันเลยทีเดียว

                        ผู้บริหารหลายคนที่ผมเจอช่วงหลังๆมานี้ หลายคนถึงไม่เชื่อเรื่องนี้ อย่างพวกชาวต่างชาติที่มาทำธุรกิจในประเทศไทย ก็ยังต้องดูดวงดูฮวงจุ้ย เพื่อนำมาเป็นข้อมูลในการวางแผนงาน เรียกว่าอุดช่องว่างในทุกๆปัจจัยที่จะส่งผลต่อธุรกิจได้ ผมมีลูกค้าคนหนึ่งเป็นเจ้าของกิจการก่อสร้าง ต้องเช็คดวงชะตาทุกปี หรือดูฮวงจุ้ยทุกครั้งที่มีการขยายธุรกิจ เขาบอกว่าต้องดู เพื่อจะได้รู้จังหวะและโอกาสในการลงมือทำ ดูฤกษ์ยามที่เหมาะสม เพื่อป้องกันผลกระทบที่มองไม่เห็นที่อาจจะเกิดขึ้นได้

                        ผู้บริหารที่มีแนวคิดแบบนี้ คงไม่ได้เรียกว่า “งมงาย” หรอกครับ แต่เรียกว่า รอบคอบมากกว่า อะไรก็ตามที่คิดว่าจะมีผลกระทบต่อธุรกิจจะต้องดูทั้งหมด ไม่ใช่ดูแค่ปัจจัยทางธุรกิจเพียงอย่างเดียว คนที่กำลังคิดจะเป็นเถ้าแก่ทั้งหลายมีคุณสมบัตินี่หรือเปล่าครับ…