กสิกรไทย เชื่อมั่นเศรษฐกิจครึ่งปีหลังดีขึ้น ผู้บริโภคจะกลับคืนมา


ธนาคารกสิกรไทย เผย  เชื่อมั่นเศรษฐกิจในครึ่งปีหลังจะดีขึ้น  และจะสามารถกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐ ให้เติบโตได้ดีในช่วงครึ่งปี 2557 ทั้งภาคเกษตรกรและภาคครัวเรือน  จะส่งผลให้ผลประกอบการของธนาคารเติบโตแบบก้าวกระโดด ส่งผลรายได้ค่าธรรมเนียมปีนี้  โต 10 เปอร์เซ็นต์ ตามเป้าหมาย

                นายวศิน  วณิชยวรนันต์  รองกรรมการผู้จัดการ ธนาคารกสิกรไทย พร้อมผู้บริหารทุกฝ่าย เปิดเผยว่า ทิศทางเศรษฐกิจและธุรกิจในครึ่งปีหลังมีแนวโน้มฟื้นตัวจากสัญญาณที่มีนัยสำคัญต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจครึ่งปีหลัง 3 เรื่อง คือ การเร่งรัดการเบิกจ่ายงบประมาณปี 2557 พร้อมจัดทำงบประมาณปี 2558 ให้มีผลบังคับใช้ตั้งแต่ 1 ตุลาคม 2557 โดยมีการเร่งอนุมัติโครงการที่ขอรับเงินส่งเสริมการลงทุนจากบีโอไอ  มูลค่ากว่า 7 แสนล้านบาท และการช่วยเหลือเกษตรกรเรื่องการคืนเงินโครงการจำนำข้าวแก่ชาวนาจำนวน 9.2 หมื่นล้านบาท  ซึ่งจะสามารถช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจไทยให้มี จีดีพี ในครึ่งปีหลังเป็น 4.3 เปอร์เซ็นต์  โดยมีผลทำให้จีดีพีเฉลี่ยทั้งปี 2557 ปรับจาก 1.8 เปอร์เซ็นต์ ขึ้นเป็น 2.3 เปอร์เซ็นต์ ถือเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจที่ส่งผลต่อปัจจัยหลักของการเติบโตของจีดีพี ได้แก่ การใช้จ่ายของภาครัฐ  การลงทุนของภาคเอกชน  การบริโภคของประชาชน  ส่วนการส่งออก ถือเป็นปัจจัยที่ 4 ของการเจริญเติบโตของจีดีพีนั้น  จะสามารถขยับขึ้นเป็น 3 เปอร์เซ็นต์  ซึ่งถือเป็นตัวเลขที่ดีกว่าปี 2556 ที่ติดลบอยู่  0.2 เปอร์เซ็นต์

                ด้านการใช้จ่ายของภาครัฐส่งผลให้มีเม็ดเงินอัดฉีดเข้าสู่ระบบ ซึ่งส่งผลดีโดยตรงต่อธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับโครงสร้างพื้นฐาน  อาทิ  ผู้ประกอบการรับเหมาก่อสร้าง  และคาดว่าจะมีการเปิดโครงการประมูลได้ในช่วงปี 2557 – 2558 โดยมีมูลค่ารวมประมาณ 4.8 แสนล้านบาท  ซึ่งประกอบด้วยโครงการที่เกี่ยวข้องกับเส้นทางคมนาคมเป็นหลัก  ได้แก่โครงการก่อสร้างสนามบินสุวรรณภูมิเฟสสอง  การปรับปรุงสนามบินดอนเมือง  รถไฟฟ้ารางคู่  รถไฟฟ้าสายสีเขียว เป็นต้น  สำหรับทิศทางเชิงบวกของโครงสร้างพื้นฐานประกอบกับความเชื่อมั่นของนักลงทุนที่เพิ่มขึ้น   ยังส่งผลต่อการลงทุนของภาคเอกชน  ทำให้ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์จะสามารถฟื้นตัวได้โดยมีอัตราการเติบโตอยูที่ 5.8 เปอร์เซ็นต์  ในช่วงครึ่งหลังของปีนี้  จะทำให้จำนวนที่อยู่อาศัยสร้างเสร็จในเขตกรุงเทพมหานคร และปริมณฑล  สามารถขยายตัวไปได้ถึง 3.4 เปอร์เซ็นต์  จากครึ่งปีแรกที่ติดลบอยู่ 13.1 เปอร์เซ็นต์

                ในขณะที่การใช้จ่ายของภาคครัวเรือน  ช่วงครึ่งปีหลังก็จะสามารถเพิ่มสูงขึ้นตามความเชื่อมั่นของผู้บริโภคที่เพิ่มขึ้นเช่นกัน  โดยที่ส่วนหนึ่งของเม็ดเงินหมุนเวียนในระบบนี้จะได้มาจากการจ่ายเงินที่ค้างชำระในโครงการจำนำข้าวให้แก่ชาวนา  มีมูลค่ากว่า 9.2  ล้านบาท  ซึ่งจะสามารถดันให้ธุรกิจค้าปลีกและสินค้าอุปภคบริโภคเติบโตไปได้   เนื่องจากความต้องการของผู้บริโภคเริ่มกลับเข้ามาในตลาด   จะเห็นได้จากการเข้าตลาดหลักทรัพย์ของบริษัทเครื่องดื่ม  ที่ธนาคารกสิกรไทยเป็นผู้รับดำเนินการ  สามารถรถเข้าตลาดหรือไอโอพีได้สูงกว่าเป้าหมายและได้รับการตอบรับที่ดีจากนักลงทุนจากหลายสถาบันมากถึง 18 เท่าของจำนวนหุ้นที่เปิดขาย ซึ่งธุรกิจอาหารและเครื่องดื่มมีมูลค่าตลาดประมาณ 1.8 ล้านล้านบาท และยังสามารถเจริญเติบโตได้อีกมาก  นอกจากนี้ธุรกิจค้าปลีกยังเป็นอีกหนึ่งธุรกิจที่กำลังจะฟื้นตัวกลับมาในช่วงหลังของปี  จะเห็นได้จากการเปิดตัวของห้างสรรพสินค้าใหม่ๆ และโครงการยักษ์ใหญ่อีกหลายโครงการที่กำลังเตรียมจะเปิดตัว  เพื่อให้ทันกับความต้องการและศักยภาพในการจับจ่ายใช้สอยของผู้บริโภค

                 รวมไปถึงในภาคการส่งออก  แม้จะมีการปรับประมาณการเจริญเติบโตของปี 2557 ลดลงจาก 5 เปอร์เซ็นต์  เป็น 3 เปอร์เซ็นต์  แต่ในครึ่งปีหลังถือได้ว่าเป็นการเติบโตอย่างก้าวกระโดด  เมื่อเทียบกับช่วงครึ่งปีแรกที่ผ่านมา  โดยในภาคของอุตสาหกรรมจะมีการผลักดันสินค้าด้านอุตสาหกรรมยานยนต์ เป็นสินค้าส่งออก  ซึ่งคาดว่าจะมีการเติบโตถึง 12 เปอร์เซ็นต์  ในครึ่งปีหลัง  จากที่ครึ่งปีแรกมีการเติบโตเพียง 3 เปอร์เซ็นต์  ทั้งนี้ยังมีการขอรับการส่งเสริมการลงทุนจากบีโอไอ  และอยู่ในช่วงรออนุมัติอีกกว่า 4 แสนล้านบาทในปีนี้  ซึ่งหากสามารถผลักดันโครงการต่างๆ ออกมาได้อย่างรวดเร็ว  จะช่วยให้เศรษฐกิจครึ่งปีหลังดียิ่งขึ้น

                นายวศิน กล่าวเพิ่มเติมว่า “จากทิศทางเศรษฐกิจในช่วงครึ่งปีหลัง 2557 จะทำให้มีการทำธุรกรรมทางการเงินผ่านธนาคารกสิกรไทยไม่น้อยกว่า 24 ล้านบาท  ซึ่งจะสร้างรายได้ค่าธรรมเนียมเพิ่มขึ้น  จากครึ่งปีแรก ซึ่งจะส่งผลให้ได้รายได้จากค่าธรรมเนียมทั้งปีเติบโต 10 เปอร์เซ็นต์  ตามที่ได้ตั้งเป้าไว้”