กสิกรไทย เผยผลประกอบการครึ่งปีแรก หลังปล่อยสินเชื่อใหม่ 1.43 แสนล้านบาท


ธนาคารกสิกรไทย แถลงผลประกอบการในช่วงครึ่งปีแรก  และในส่วนของลูกค้าที่เป็นผู้ประกอบการ SMEs  ที่สามารถเติบโตได้ถึง 11.3 เปอร์เซ็นต์ เมื่อเทียบกับปีก่อน  ส่วนใหญ่เป็นธุรกิจรับเหมาก่อสร้าง เกษตร  ฮาร์ตแวร์ ที่มีรายได้รวมกันกว่า 19,590 ล้านบาท เติบโตขึ้น 14.3 เปอร์เซ็นต์  มั่นใจธุรกิจครึ่งปีหลังปรับตัวดีขึ้น ตั้งเป้าสินเชื่อทั้งปี 553,448 ล้านบาท โตจากปีที่แล้ว 6.8 เปอร์เซนต์

                นายพัชร  สมะลาภา  รองกรรมการผู้จัดการ ธนาคารกสิกรไทย กล่าวว่า  ผลการดำเนินงานในส่วนของลูกค้าที่เป็นผู้ประกอบการ SMEs ในครึ่งปีแรก  ทางธนาคาร มียอดสินเชื่อคงค้างรวม 538,401 ล้านบาท  ซึ่งเติบโตจากช่วงเดียวกันในปี 2556 อยู่ 11.3 เปอร์เซ็นต์   และมียอดรายได้รวมทั้งหมดอยู่ที่ 19,498 ล้านบาท  โดยเติบโตจากช่วงเวลาเดียวกันในปี 2556 อยู่ 14.66 เปอร์เซ็นต์  ขณะที่สัดส่วนสินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้  ในช่วง 5 เดือนที่ผ่านมา  อยู่ที่ 2.66 เปอร์เซ็นต์  ซึ่งลดลงจากปี 2556 อยู่ที่  2.82 เปอร์เซ็นต์ 

                จากยอดสินเชื่อในช่วงครึ่งปีแรก  เป็นวงเงินใหม่ถึง 143,403 ล้านบาท ซึ่งเติบโตจากช่วงเดียวกันในปีก่อนอยู่ 13.9 เปอร์เซ็นต์  และเป็นวงเงินที่ปล่อยกู้เฉพาะเดือนมิถุนายน จำนวน 35,590 ล้านบาท  นับเป็นยอดการปล่อยสินเชื่อที่สูงที่สุดในรอบ 2 ปี ที่ผ่านมา  นับเป็นสิ่งที่สะท้อนให้เห็นว่าผู้ประกอบการ SMEs มีความเชื่อมั่นต่อสภาพเศรษฐกิจมากขึ้น  ทำให้มีความต้องการสินเชื่อเพื่อหมุนเวียนและขยายธุรกิจ  จึงทำให้ทางธนาคารสามารถขยายฐานลูกค้ารายใหม่ได้อย่างต่อเนื่อง  โดยสินเชื่อส่วนใหญ่อยู่ในกลุ่มธุรกิจรับเหมาก่อสร้าง  อุตสาหกรรมการเกษตร  และอุตสาหกรรมฮาร์ดแวร์ คิดเป็นสัดส่วน 24 เปอร์เซ็นต์ ของวงเงินสินเชื่อใหม่ทั้งหมด

                สำหรับมาตรการการให้ความช่วยเหลือแก่ธุรกิจ SMEs ที่ผ่านมาตั้งแต่ต้นปี  ทางธนาคารได้ออกมาตรการช่วยเหลือ  โดยการพักชำระเงินต้นนานสูงสุด 6 เดือน ให้กับลูกค้า 534 ราย และมียอดสินเชื่อรวมกว่า 10.981 ล้านบาท  ซึ่งในปัจจุบันลูกค้ากลุ่มนี้สามารถชำระหนี้ได้ตามปกติแล้วจำนวน 449 รายเป็นยอดสินเชื่อรวม 8,989 ล้านบาท  คิดเป็น  82 เปอร์เซ็นต์ ของยอดสินเชื่อที่ได้รับความช่วยเหลือทั้งหมด

                นาย พัชร สมะลาภา  ได้กล่าวถึงภาพรวมของ SMEs ในช่วงครึ่งปีหลังว่า “ในขณะนี้กำลังซื้อและความเชื่อมั่นของผู้ประกอบการเริ่มกลับมา โดยรวมจะทำให้เกิดสภาพคล่องมากขึ้น  ทำให้มีปัจจัยการทำให้ธุรกิจ SMEs สามารถเติบโตไปได้ คือ ความสามารถในการซื้อของลูกค้า  และการออกสินเชื่อจากทางธนาคาร เพื่อให้สภาพคล่อง   เหมือนกับที่เราทำอยู่ตอนนี้  ก็คือการออกสินเชื่อ  เพื่อช่วยเหลือกลุ่มผู้ประกอบการให้สามารถเดินต่อไปได้  ในขณะเดียวกันก็มีปัจจัยลบมาจากครึ่งปีที่ผ่านมาทางธนาคารมีกำไรที่น้อยมาก  ซึ่งก็ต้องอาศัยระยะเวลาที่นานพอสมควร  กว่าที่ลูกค้าจะสามารถพื้นตัวได้  และในขณะนี้เงินบาทก็ได้มีการแข็งตัวขึ้น  ซึ่งอาจจะส่งผลกระทบต่อธุรกิจส่งออกบ้าง  ทำให้ธุรกิจในกลุ่มของการส่งออกและกลุ่มที่ยังไม่สามารถพื้นตัวได้จากพิษเศรษฐกิจในครั้งก่อนและยังไม่สามารถพื้นตัวได้  ควรจะต้องระวังไว้  จริงๆแล้วในขณะนี้กลุ่มธุรกิจที่ได้ประโยชน์มากที่สุด  จะเป็นในส่วนของการซื้อขาย  โดยจะเห็นได้ว่ากลุ่มผู้ประกอบการในส่วนนี้เริ่มมีจำนวนสินค้าในสต็อกลงลงไปมาก  เพราะสามารถขายออกไปได้เร็วกว่าช่วงก่อนๆ”

                ทั้งนี้ในปี 2557 ธนาคารกสิกรไทย  ตั้งเป้ายอดสินเชื่อคงค้างไว้ที่ 553,448 ล้านบาท มีการเติบโตจากปีก่อน 6.8 เปอร์เซ็นต์ และมีรายได้รวม 39,040 ล้านบาท โดยให้มีสัดส่วนของการเติบโตอยู่ที่ 10.7 เปอร์เซ็นต์ ของทั้งปี