กระทรวงพาณิชย์ประสบความสำเร็จในการเปิดประมูลขายข้าวในสต็อกของรัฐบาล ครั้งที่ 1/2557 ประมาณ 73,200 ตัน นับเป็นการส่งสัญญาณเชิงบวกและโอกาสสำคัญของผู้ประกอบการไทยในการขยายตลาดข้าวภายในประเทศและส่งออกไปต่างประเทศได้มากขึ้น
นางดวงพร รอดพยาธิ์ อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ เปิดเผยว่าจากที่ คต. ได้ออกประกาศเชิญชวนให้ผู้ประกอบการค้าข้าวยื่นซองเสนอราคาซื้อข้าวสารในสต็อกของรัฐบาลตามโครงการรับจำนำข้าวเปลือก นาปี ปีการผลิต 2554/55 นาปรัง ปีการผลิต 2555 ปีการผลิต 2555/56 (รอบ 1) และ (รอบ 2) และปีการผลิต 2556/57 (แบบรายคลังและ/หรือรายกอง) ตามคลังสินค้ากลางขององค์การคลังสินค้า (อคส.) ใน 7 ชนิดข้าว ได้แก่ ข้าวหอมมะลิ 100% ชั้น 2 ข้าวขาว 5% ข้าวขาว 15% ข้าวเหนียวขาว 10% ข้าวท่อนหอมมะลิ
ปลายข้าวหอมมะลิ ปลายข้าวปทุมธานี และปลายข้าวขาวเอวันเลิศ ปริมาณ 167,000 ตัน ซึ่งผลจากการเปิดประมูลข้าวเมื่อวันที่ 7 สิงหาคม 2557 ได้รับความสนใจจากผู้ส่งออกและผู้ประกอบการโรงสี ทั้งรายเล็กและรายใหญ่เข้าร่วมการประมูลกว่า 49 ราย นั้น
เมื่อวันที่ 14 สิงหาคม 2557 หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ในฐานะประธานคณะกรรมการนโยบายและบริหารจัดการข้าว (นบข.) ได้เห็นชอบผลการประมูลข้าวสารในสต็อกของรัฐ ครั้งที่ 1 /2557 เรียบร้อยแล้ว โดยให้คัดเฉพาะข้าวที่คุณภาพผ่านการตรวจสอบทั้งด้านกายภาพและการตรวจโดยห้องปฏิบัติการ และให้นำค่าปรับปรุงคุณภาพข้าวมาประกอบการคำนวณเกณฑ์ราคาข้าวขั้นต่ำที่จะตกลงขาย (Floor Price) ด้วย เนื่องจากการเก็บข้าวในสต็อกของรัฐในปริมาณมากและเก็บมาระยะเวลาพอสมควร จะมีผลต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพข้าวมากกว่าการเก็บรักษาในเชิงการค้าปกติ ซึ่งผู้ที่จะมาประมูลข้าวจะต้องรับภาระค่าใช้จ่ายในส่วนของค่าปรับปรุงคุณภาพข้าวดังกล่าว ผลจากการพิจารณาดังกล่าวทำให้มีผู้ชนะการประมูล
ที่ผ่านเกณฑ์ราคา จำนวนทั้งสิ้น 11 ราย ปริมาณ 73,200 ตัน มูลค่ากว่า 740 ล้านบาท ทั้งนี้ ราคาข้าวที่ประมูล
ได้เป็นราคาที่สูงใกล้เคียงกับราคาตลาด ตามคุณภาพมาตรฐานข้าวไทย โดยราคาชนะประมูลต่ำสุด คือ ปลายข้าวขาวเอวันเลิศ ตันละ 7,610 บาท และราคาข้าวหอมมะลิ 100% ชั้น 2 ประมูลสูงสุดที่ตันละ 28,000 บาท
นอกจากนี้ อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ ยังได้กล่าวเพิ่มเติมว่า ผู้ชนะการประมูลจะได้รับการแจ้งผลอย่างเป็นทางการเพื่อให้มาทำสัญญากับองค์การคลังสินค้า (อคส.) ภายใน 10 วัน และจะเริ่มรับมอบข้าวได้ทันที ทั้งนี้ สำหรับการประมูลข้าวครั้งที่ 2 เป็นต้นไป จะมีการปรับปรุงเงื่อนไขและขั้นตอนการประมูลให้สะดวกมากยิ่งขึ้น และจะทยอยเปิดประมูลข้าวอย่างต่อเนื่องในช่วงเวลาที่เหมาะสม โดยยังคงเน้นกระบวนการที่โปร่งใสและคำนึงถึงสถานการณ์การค้าข้าวทั้งในประเทศและต่างประเทศเป็นสำคัญ