เสื้อคู่รักน้องใหม่มาแรง “Going To” อีกหนึ่งธุรกิจที่หันมาเปิดหน้าร้านออนไลน์ แทนการค้าขายแบบดั้งเดิม ที่อาศัยการมีหน้าร้านเพียงอย่างเดียว ซึ่งมีข้อเสียในเรื่องของการกะปริมาณเพื่อสต๊อกสินค้าหน้าร้าน ในเวลาที่ลูกค้าเดินทางมาที่ร้านแล้วสินค้าที่ต้องการเกิดห


หลังจากประกาศให้นโยบายที่เกี่ยวกับ SMEs เป็นวาระแห่งชาติที่ต้องเข้าไปส่งเสริมอย่างเร่งด่วน คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) จึงยกเครื่องงบประมาณสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี (สลน.) รวมไปถึงงบประมาณในกองทุนต่างๆ ให้คุ้มค่าและเกิดประโยชน์สูงสุด เพื่อโยกงบประมาณบางส่วนมาอุดหนุน สสว. นำไปช่วยเหลือ SMEs

 

ที่ประชุม สลน. ได้พิจารณาทบทวน 6 กองทุนที่ สลน. รับผิดชอบ โดยพิจารณายุติโครงการกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมือง กองทุนช่วยเหลือผู้ประกอบการในชุมชน และกองทุนพัฒนาเมืองในภูมิภาค และโยกงบประมาณ 1,225 ล้านบาท ไปให้กองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา ส่วนกองทุนเศรษฐกิจสร้างสรรค์ มีมติให้ชะลอการดำเนินการไปก่อน และโอนงบประมาณ 596 ล้านบาท ไปยังโครงการ
ช่วยเหลือผู้ประกอบการ SMEs ของสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) หรือ กองทุน สสว.

 

นอกจากนี้ กองทุนพัฒนาบทบาทสตรี ทาง คสช.ให้โอนย้ายไปสังกัดกรมพัฒนาชุมชน กระทรวงมหาดไทย พร้อมกับให้ทบทวน หรือยุบรวมภารกิจเข้ากับกระทรวง เช่นเดียวกับ สภาเกษตรกร ที่ให้นำไปรวมกับกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ รวมทั้งทบทวนหรือยุบภารกิจเข้ากับกระทรวงดำเนินการแทน

 

สรุปแล้วงบประมาณที่ คสช. เรียกคืนจาก สลน.จากทั้ง 5 กองทุนที่ให้ยุติและทบทวน รวมเป็นเงินราว 9,925 ล้านบาท โดยงบดังกล่าวจะนำไปสนับสนุน กยศ.และกองทุน สสว. ตามที่ระบุข้างต้น นอกจากนี้ยังมีงบประมาณที่เหลืออยู่บางส่วน ซึ่งจะมีการสั่งการนำไปใช้ในภารกิจต่างๆ อีกครั้ง

 

ทั้งนี้ ที่ประชุม คสช. พิจารณาร่างพระราชบัญญัติรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2558 โดยมีการปรับลดงบประมาณ จำนวน 7,700 ล้านบาท เพื่อให้หน่วยงานต่างๆ นำไปใช้เร่งด่วนแบบบูรณาการ 14 ด้าน ให้ต่อเนื่องระหว่างปี 2557-2558

 

 

SMEs” มีพี่เลี้ยงลุยต่างแดน

 

ปัจจุบัน SMEs ส่วนใหญ่ยังขาดความรู้ความเข้าใจ รวมทั้งขาดแผนรองรับความเสี่ยงในการทำธุรกิจ หอการค้าไทย ร่วมกับ มูลนิธิเพื่อสถาบันการศึกษาวิชาการจัดการแห่งประเทศไทย (ไอเมท) จัดโครงการให้บริษัทใหญ่เป็นพี่เลี้ยง SMEs ไปลงทุนต่างประเทศ

 

คุณอิสระ ว่องกุศลกิจ ประธานกรรมการหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย กล่าวว่า บริษัทใหญ่ที่ประสบความสำเร็จ จะทำหน้าที่เป็นพี่เลี้ยงให้แก่ SMEs ที่สนใจออกไปลงทุนต่างประเทศ ซึ่งในขณะนี้มีพี่เลี้ยงแล้ว 14 บริษัท เช่น ปตท. เจริญโภคภัณฑ์อาหาร ศรีไทยซุปเปอร์แวร์ และเครือเอสซีจี เป็นต้น

 

โดยพี่เลี้ยง 1 ราย จะคอยดูแล SMEs 3 ราย ประเดิมประเทศแรก คือ เวียดนาม เนื่องจากเป็นประเทศที่มีศักยภาพ ทางเศรษฐกิจสูง มีประชากรกว่า 92 ล้านคน ส่วนใหญ่อยู่ในวัยแรงงาน และยังมีกำลังซื้อสูงขึ้นอีกทั้งรัฐบาลเวียดนามจะมีการปรับลดภาษีเงินได้นิติบุคคล จาก 22% ลงเหลือ 20% ในปี 2560 รวมทั้งสนับสนุนการลงทุนจากต่างประเทศ ทำให้การส่งคืนรายได้และเงินปันผลกลับประเทศของผู้ลงทุนสามารถทำได้สะดวก ซึ่งนักธุรกิจไทยจำเป็นต้องขยายการลงทุนออกไปต่างประเทศ

 

โดยเฉพาะอุตสาหกรรมที่ต้องใช้แรงงานเข้มข้น ซึ่งหอการค้าไทยและไอเมท ได้จัดทำโครงการนี้ขึ้นเพื่อช่วยเหลือ SMEs ไทย ที่ต้องการขยายการลงทุนเบื้องต้นตั้งเป้าจะส่งเสริม SMEs 42 รายให้เกิดการลงทุนในต่างประเทศ