จดห้างหรือบริษัทดี (2) โดย ทนายอำพล รัตนมูสิก


ตอนที่แล้วที่ผมได้เขียนไว้นั้น ผมต้องกราบเรียนท่านทั้งหลายอย่างนี้นะครับว่าที่ผมเขียนเรื่องนี้เนื่องจากว่าการร่วมลงทุนของผู้ลงทุนส่วนใหญ่มักเจอปัญหาเหล่านี้แหละ  แล้วเป็นไงหมดตัว  ความหวังพังทลายเนื่องจากคิดไว้ไม่รอบคอบเห็นว่าผลประกอบการดี  ผู้ลงทุนควรรู้เท่าทันมันเป็นประสบการณ์จึงนำมาเขียนไว้ให้ท่านพิจารณาก่อนการตัดสินใจลงทุน  เมื่อตอนที่แล้วผมสาธยายเรื่องการจดทะเบียนนิติบุคคลไว้แล้วดังหัวข้อที่ผมได้เกริ่นนำไว้ ว่าจดห้างหรือบริษัทดี  ผมนำเสนอไว้ในตอนแรกว่าให้ผู้ลงทุนสำรวจและพิจารณาไว้เรื่องแรกว่าด้วย เรื่องกิจการและความสัมพันธ์ของผู้ลงทุน  ให้ดูว่ากิจการหรือโนฮาวเป็นของใคร เจ้าของหวงมากหรือไม่อย่างไร  และหากผู้ลงทุนเป็นญาติๆกันควรจดห้างหุ้นส่วนจำกัดหรือหุ้นส่วนสามัญนิติบุคคลดีกว่าจดเป็นบริษัท  กิจการที่ล้มเหลวส่วนใหญ่หาใช่เรื่องเกี่ยวกับกิจการแต่ปัญหามักมากจากตัวบุคคลมากว่า  ส่วนกฎหมายที่มีอยู่ท่านอย่าหวังไปพึ่งพา ส่วนใหญ่กว่าถั่วจะสุกงาก็ไหม้ไปแล้วทั้งสิ้นเสียเวลาเปล่าๆ

ต่อไปคือเรื่องการบริหารและภาษี  เช่นกันมักเกิดปัญหาและเมื่อเกิดปัญหาแล้วนิติบุคคลนั้นๆมักไปไม่รอด   ก่อนการลงทุนเมื่อพิจารณาข้อแรกไปแล้ว  ผู้ลงทุนต้องมาตกลงกันไว้ก่อนหัวข้อที่สำคัญมากๆ   คือ 1.  การจัดองค์กร  2.บุคลากร 3.  การเสียภาษี 4.กฎหมายที่เกี่ยวข้องและการประชุม   ทั้งสี่หัวข้อนี้แน่นอนหากไม่คุยกันก่อนแล้วปล่อยให้เนิ่นนานมากๆรับประกันได้ว่ายากที่จะให้กิจการเป็นไปอย่างราบรื่น  เรามาว่ากันเลยนะว่าแต่ละหัวข้อต้องทำอย่างไร

การจัดองค์กร   แบ่งย่อยเป็นฝ่ายบริหาร  และฝ่ายตรวจสอบและประเมินผล  ต่างฝ่ายต่างต้องทำหน้าที่อย่าละเลยให้เกิดช่องทางทุจริตเกิดขึ้น   แต่ไม่ใช่การจับเท็จ จับผิด  ก่อนการลงทุนเมื่อเราทำความเข้าใจเรื่องนี้แล้วทุกคนรู้ปัญหาที่เกิดขึ้น  รู้หน้าที่ความหวาดระแวงจะหมดไป   แต่จะเกิดพลังสร้างสรรค์โดยเราไม่ได้ตั้งใจ

บุคลากร   เช่นกันต้องพูดจากันให้สามารถตกลงกันได้    ผู้ลงทุนจะลงมือปฏิบัติการเองหรือจ้างมือบริหารมาจัดการแทน  เรื่องนี้ก็เป็นเรื่องใหญ่ การเสียภาษี  

หัวข้อนี้ยิ่งสำคัญ  ต้องทำความตกลงให้ชัดเจนนะครับว่าบัญชีจะจัดทำไว้ชุดเดียวหรือสองชุด   แน่นอนหากสอบถามไปยังผู้บริหารมักจะตอบว่าบัญชีมีชุดเดียว   แต่ความจริงเรื่องนี้มักเกิดปัญหาขึ้นมาก  เช่น  การหลบเลี่ยงภาษีจะทำให้นิติบุคคลมีกำไรสุทธิลดลง   หากมีปัญหาอื่นใดมากระทบเช่นความไม่โปร่งใสของการบริหารงาน  นิติบุคคลนั้นๆก็มักจะเกิดกรณีพิพาทขึ้นได้โดยง่าย  การลงทุน  ลงแรงของเราก็จะเสียเปล่า   และอาจเสียเพื่อนอีกด้วย

เรื่องสุดท้ายคือเรื่อง  กฎหมายที่เกี่ยวข้องและการประชุม  การจัดตั้งห้างหุ้นส่วนหรือบริษัท  เป็นสัญญาซึ่งบุคคลตั้งแต่สองขึ้นไปตกลงเข้ากันเพื่อกระทำกิจการร่วมกัน  ด้วยประสงค์จะแบ่งปันกำไรอันจะได้จากกิจการนั้น  หากการตกลงผิดแผกแตกต่างไปจากที่กล่าวมานี้นั้นไม่ใช่สัญญาเพื่อการจัดตั้งห้างหุ้นส่วนหรือบริษัท  ซึ่งกฎหมายการจดทะเบียนไว้สามประเภท  คือ ห้างหุ้นส่วนสามัญ  ห้างหุ้นส่วนจำกัด  และบริษัทจำกัด   ความแตกต่างของแต่ละประเภทมันชัดเจนในตัว คือ ห้างหุ้นส่วนสามัญใครเป็นหุ้นเข้าต้องรับผิดต่อทรัพย์สินและหนี้สินเท่าๆกัน   ส่วนห้างหุ้นส่วนจำกัด  มีหุ้นส่วนสองจำพวกคือ พวกจำกัดความรับผิด  และไม่จำกัดความรับผิด   สุดท้ายบริษัทจำกัด  คือผู้ถือหุ้นจำกัดความรับผิดเท่าจำนวนมูลค่าที่ตนถือครองหุ้นอยู่นั้นเอง

ส่วนเรื่องการประชุม   ถือว่าเป็นเงื่อนไขที่สำคัญ   ผู้ลงทุนมักจะละเลยข้อนี้   การประชุมจะช่วยให้ผู้ลงทุนได้สอบถาม  ไต่สวน  ประเมินผล   กันในที่ประชุมทำให้สามารถเข้าใจกันได้ป้องกันความเข้าใจผิดพลาดคลาดเคลื่อนในเนื้อความ    และสามารถบรรลุข้อตกลงกันได้โดยง่าย เอาละครับเงื่อนไขที่กล่าวมาครบถ้วนแล้ว  แต่ท่านอย่าเพิ่งนึกตำหนินะครับว่าจะตกลงกันไปทำไมเมื่อยังไม่ลงทุน    แน่นอนหัวข้อเหล่านี้เป็นเรื่องยากที่จะตกลงกันได้โดยง่าย  

แต่ก็ไม่ยาก  ผู้ลงทุนจะล่วงรู้และเข้าใจถึงกิจการพร้อมสามารถตัดสินใจได้ว่าจะร่วมลงทุนจำนวนมากน้อยเพียงใด  อีกทั้งสามารถตัดสินใจทุ่มเงินที่ออมไว้มานานได้หรือไม่

ส่วนที่นำเสนอมาทั้งหมดนั้นจะช่วยให้ท่านตัดสินใจได้ว่าจะสามารถจดห้างหรือบริษัทดี   หากท่านไม่สามารถทำตามเงื่อนดังกล่าวมาได้อย่างสมบูรณ์   ขอแนะนำให้จดห้างฯดีกว่าจดบริษัทจำกัด  เงื่อนไขแต่เรื่องที่เสนอมานั้นหากไม่ดำเนินการและปล่อยไว้จะก่อให้เกิดปัญหาจนถึงขนาดต้องเลิกกิจการกันเลย   และหากเมื่อตกลงกันได้ต้องทำเป็นหนังสือไว้เพื่อการตรวจสอบความถูกต้องต่อไป

จบเรื่องจดห้างหรือบริษัทดี  ก่อนจากกันในตอนนี้ขอฝากไว้ว่าเรื่องภาษีต้องทำความตกลงกันไว้ให้ดีๆ  อาจทำให้ท่านผู้ลงทุนต้องติดคุกได้เหมือนอย่างคดีที่เป็นข่าวครึกครื้นทั้งบ้านทั้งเมือง  ซึ่งจะไม่เป็นข่าวได้อย่างไร   ท่านผู้อ่านเคยไหมละครับที่ผู้เลี่ยงภาษีจะติดคุก   คดีนี้เป็นตัวอย่าง   แม้นยังไม่ถึงที่สุดก็ตามแต่ก็น่าหวาดระแวงนะครับ   มันเป็นอีกแง่มุมหนึ่งของผมนะครับที่ท่านอาจจะสะใจจนลืมคำนึงถึงความเป็นจริง  ขอบคุณครับแล้วค่อยพบกันใหม่

ทนายอำพล  รัตนมูสิก