หลักสูตร The Secrets to Successful Restaurant Chain กับหัวข้อ การตลาดเพื่อยอดขายและกำไร เน้นบริหารเงินทุน และพื้นที่ ให้ได้รับกำไรเต็มที่จากทรัพยกรที่มีอยู่ โดยเสริมทัพชื่อเสียงใหกับธุรกิจด้วยการโฆษณา และประชาสัมพันธ์
ยอดขายและกำไรคือหัวใจของการทำธุรกิจ เพราะไม่ว่าจะธุรกิจรายใหญ่ หรือรายย่อยเมื่อมีการลงทุน ก็ย่อมต้องการผลกำไร ทั้งนี้ยอดขายและกำไรยังเป็นตัวแปรสำคัญในที่บ่งบอกถึงความสำเร็จในการทำธุรกิจ และความพร้อมในการขยายกิจการให้ก้าวไกลมากยิ่งขึ้น
หลักสูตร The Secrets to Successful Restaurant Chain เป็นความร่วมมือระหว่าง สถาบันพีเพิลเทรนนิ่ง และ สถาบันธุรกิจแฟรนไชส์อาหาร เป็นหลักสูตรที่ช่วยไขประตูสู่ความเร็จในการขยายสาขาให้ยั่งยืน เผยกลยุทธ์และเทคนิคการบริหารร้านให้เป็นมาตรฐานและเข้มแข็ง จากกูรูแนวหน้าที่มีประสบการณ์กับบริษัทข้ามชาติมากมาย ทั้งนี้คุณเกียรติศักดิ์ ฉมาภิสิษฐ์ ให้เกียรติมาเป็นวิทยากรในหัวข้อเรื่อง “การตลาดเพื่อยอดขายและกำไร”
โดยคุณเกียรติศักดิ์ ให้ข้อมูลว่า วงจรการทำธุรกิจเริ่มต้นด้วยการคิดทำธุรกิจ ผู้ประกอบการต้องมีความคิดสร้างสรรค์ในการเลือกผลิตภัณฑ์และบริการของตนเอง เตรียมความพร้อมด้วยการหาสถานที่ พนักงาน แหล่งเงินทุน และที่สำคัญคือการเลือกหาวัตถุดิบ ทั้งนี้ต้องมีระยะเตรียมการทำแผนการตลาด จากนั้นคือการทำยอดขาย หากำไร เงินทุน และเงินหมุนเวียน ซึ่ง ณ จุดนี้สำคัญมาก ที่ผุ้ประกอบการความคำนึงถึงเพื่อไม่ให้เกิดการขาดทุน ที่อาจส่งผลต่อการล้มเลิกกิจการได้ ดังนั้นจึงต้องมีการทำการตลาด เพื่อขยายธุรกิจให้กว้างไกลออกไปจุดหนึ่งที่ การทำการตลาดแบบ Social Media เป็นอีกหนึ่งช่องทางที่ผู้ประกอบการควรหันมาให้ความสนใจ โดยใช้ได้หลากหลายวิธีคือ วิธีการพ่วงไปกับเว็บ หรือสื่อต่าง ๆ ที่เขามีช่องทางอยู่แล้ว เพื่อเป็นการโฆษณาให้เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายอย่างรวดเร็ว การรีวิวสินค้าและบริการจากผู้ใช้จริง หรือเหล่า Blogger ซึ่งในบางครั้งอาจฟรีหรือเสียค่าใช้จ่ายก็ได้ สำหรับรูปแบบของการตลาดแบบง่าย ๆ ได้แก่ การทำการตลาดแบบขายตรง การโฆษณา การขายของทางโทรศัพท์ การทำประชาสัมพันธ์ และการออกบู้ททำกิจกรรมพิเศษ ทั้งนี้ก่อนจะทำใด ๆ ก็ตามธุรกิจต้องมีเอกลักษณ์เป็นของตัวเองก่อน ไม่ว่าจะเป็นเมนูเด่น อาหารหลักของร้าน ที่สามารถสร้างชื่อเสียงให้ร้านได้ เพื่อให้ลูกค้าเกิดการจดจำ อีกสิ่งหนึ่งที่ผู้ประกอบการควรคำนึงคือโซนทางการตลาดและการทำยอดขาย จุดสำคัญคือการทำให้ลูกค้ามองเห็นร้านของเรา นั้นคือโลโก้ ซึ่งจะสามารถทำให้ลูกค้ามองเห็นร้านของเราได้ อันดับแรก คือป้ายหน้าร้าน โลโก้ต้องอ่านได้ง่ายและชัดเจน รองลงมาคือบริเวณล๊อบบี้ ควรมีการวางโฆษณา และเคาน์เตอร์ จะช่วยให้ลูกค้าสั่งอาหารได้ง่ายขึ้น กระจกหน้าต่าง เป็นประโยชน์มากในการใช้เป็นสื่อติดต่อโฆษณา นอกจากนี้บนโต๊ะอาหารยังมีประโยชน์มากให้การให้ข้อมูลสินค้าต่าง ๆ ของทางร้าน ในด้านของโปรโมชั่นมีความแตกต่างกันออกไป โดย Nationwide คือการทำโปรโมชั่นของทุกสาขา ทั่วประเทศพร้อมกัน เป็นการ ลด แลก แจก แถม ที่มีทุกสาขา ซึ่งเป็นการจัดทำโดยบริษัทของเราเอง ส่วน Local Store Marketing (LSM) คือการทำการตลาดเฉพาะสาขา ซึ่งเราเลือกที่จะทำเป็นรายสาขา แต่ละสาขาอาจจะไม่เหมือนกัน ทั้งนี้เพราะเราต้องการเพิ่มยอดขายในสาขาที่ปัญหา เท่านั้น และ Co-Ptomotion คือการทำการตลาดหรือการส่งเสริมการขาย โดยร่วมมือกับคู่ค้า ห้าง ธนาคาร บริษัทอื่น ๆ บัตร เครดิต ผู้ผลิตหรือผุ้ส่งสินค้า หรือเจ้าของ ที่นี่เราเช่าร้านค้า เมื่อมีกลุ่มลูกค้ารู้จักเรามากขึ้นแล้ว ผู้ประกอบจึงต้องมีการตั้งเป้าหมายของธุรกิจของตนเองให้ชัดเจนขึ้น โดยในด้านการเพิ่มยอดขายนั้น ผู้ประกอบการต้องรู้จำนวนบิล และค่าเฉลี่ย เพื่อเป็นแนวทางในการเพิ่มยอดขาย และวางแผนสร้างผลกำไรอย่างต่อเนื่อง บิล หรือ Transation คือจำนวนรายการสินค้า อาหาร บริการต่าง ๆ ที่ลงบิลดังกล่าว แล้วจึงคิดเงินลูกค้า ว่ามียอดเท่าใด ค่าเฉลี่ยต่อบิล คือค่าเฉลี่ยของการซื้อสินค้าของลูกค้า โดยภาพรวมป็นการเฉลี่ยว่าในแต่ละบิล มีลูกค้าซื้อโดยประมาณกี่บาท และมีอะไรบ้างในแต่ละบิล สำหรับการคิดสมการของยอดขาย คือ จำนวนบิล คูณ ค่าเฉลี่ยต่อบิล จะได้ผลลัพธ์เป็นยอดขาย และ ยอดขาย หาร จำนวนบิล จะได้ผลลัพธ์คือ ค่าเฉลี่ยต่อบิล
นอกจากนี้สิ่งแรกที่ผู้ประกอบการพึงมีคือ ทัศนคติ ที่แตกต่าง หรือการคิดนอกกรอบนั้นเอง เนื่องจากการคิดนอกกรอบจะช่วยให้ผู้ประกอบการสามารถมองเห็นถึงความแตกต่างในการทำธุรกิจได้ และสามารถมองเห็นช่องทางการเพิ่มยอดขายได้หลายช่องทางมากกว่าคนอื่น ๆ และการบริหารพื้นที่ในร้าน ให้สามารถใช้สอยประโยชน์ และรับลูกค้าได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ ด้วยการจัดสรรค์พื้นที่ และเก้าอี้นั่งให้สามารถรับลูกค้าให้ได้มากที่สุด ก็จะช่วยเพิ่มยอดขายได้เช่นกัน
