การทำธุรกิจแบบข้ามาคนเดียว หรือศิลปินเดี่ยว อย่างเถ้าแก่สมัยก่อน คงจะไม่เหมาะกับยุคสมัยนี้แล้ว ปัจจุบันเป็นยุคของข้อมูลข่าวสาร ยุคสังคมออนไลน์ การแตกตัวของธุรกิจจะทำเป็นระบบเครือข่าย เพื่อเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้ง่ายขึ้น วิสัยทัศน์ของนักธุรกิจยุคใหม่ จึงให้ความสำคัญกับคำว่า “Connection” หรือสายสัมพันธ์ที่เชื่อมต่อๆกัน เพราะการทำธุรกิจในลักษณะที่มี Connection จะทำให้ธุรกิจขยายตัวอย่างรวดเร็วมากกว่าการทำแบบเดี่ยวๆคนเดียว ที่ต้องใช้เวลาและต้องลงทุนลงแรงมาก อย่างธุรกิจประเภทขายตรง เป็นธุรกิจที่ค่อนข้างจะกว้างมากๆ ใครๆก็ทำได้ เพราะใช้ระบบเครือข่าย สร้างทีม โดยการแนะนำต่อๆกันไปแบบไม่รู้จบ ซึ่งเป็นธุรกิจที่ประสบความสำเร็จมากในทั่วโลก แต่การสร้าง Connection นั้น ไม่จำเป็นต้องคิดการใหญ่ขนาดนั้นก็ได้ แต่ใช้ Connection ในรูปแบบอื่น เช่น ความสัมพันธ์ส่วนตัวระหว่างบุคคลต่อบุคคล อย่างการรู้ข้อมูลล่วงหน้าว่าจะมีการขยายถนนจาก 4 เลน เป็น 8 เลน รู้ว่าจะมีห้างฯใหญ่มาสร้างบริเวณไหน คนที่จะรู้ข้อมูลเหล่านี้ ย่อมได้เปรียบอย่างมาก แต่การจะรู้ข้อมูลได้นั้น ย่อมจะต้องมี Connection หรือสายสัมพันธ์ที่ดีกับบุคคลในหน่วยงานที่ทำหน้าที่รับผิดชอบเรื่องเหล่านี้
อย่างลูกค้าผมคนหนึ่งอยู่ที่เชียงใหม่ ลูกค้าคนนี้เป็นคนกว้างขวางในพื้นที่ รู้จักผู้หลักผู้ใหญ่เยอะแยะมากมาย จึงมีข้อมูลวงในที่จะรู้ว่าอำเภอไหน ตำบลไหน จะมีการพัฒนาในระยะกันใกล้นี้ เมื่อรู้ข้อมูลมาแล้ว การทำธุรกิจก็ไม่ใช่เรื่องยาก เริ่มจากการไปซื้อที่ดินบริเวณนั้นเตรียมไว้เมื่อมีการตัดถนนจริง ราคาที่ดินบริเวณนั้นก็เพิ่มขึ้นโดยอัตโนมัติ แค่เกร็งกำไรจากราคาที่ดินอย่างเดียวก็คุ้มแล้วครับ
แต่การสร้าง Connection แบบนี้ ถือว่าไม่ใช่ของง่าย ต้องใช้ระยะเวลานาน เพราะขึ้นอยู่กับความไว้เนื้อเชื่อใจ ความสนิทชิดเชื้อกัน ไม่ใช่อยู่ดีๆจะได้ข้อมูลแบบนี้มาง่ายๆ บางคนถึงขนาดสร้างสายสัมพันธ์กันแบบครอบครัว ให้ลูกสาวแต่งงานกับลูกชายผู้มีอิทธิพลกันเลยทีเดียว เหมือนในละครหรือหนังไทยเลยล่ะครับ
อีกรูปแบบหนึ่งของการใช้ Connection เพื่อทำธุรกิจ ก็คือ ระบบแฟรนไชส์ หรือขายแบรนด์ที่ประสบความสำเร็จอยู่แล้ว ธุรกิจแฟรนไชส์ คือ วิธีการหนึ่งในการขยายการตลาด และช่องทางการจัดจำหน่าย โดยผ่านผู้ประกอบการอิสระ ซึ่งเป็นที่นิยมกันมาก อย่างร้าน 7-Eleven เป็นตัวอย่างที่เห็นได้ชัด การลงทุนในธุรกิจแฟรนไชส์จึงเป็นทางเลือกที่ดูง่ายที่สุดสำหรับคนที่อยากเป็นเถ้าแก่ เพราะไม่ต้องมานั่งนับหนึ่ง เพื่อเรียนรู้ธุรกิจให้เสียเวลา ระบบจะจัดสรรมาให้เรียบร้อยแล้ว
Connection แบบเอื้อธุรกิจกัน ก็เป็นอีกรูปแบบหนึ่งที่นำมาใช้ได้ สำหรับธุรกิจบางประเภท อย่างลูกค้าผมคนหนึ่งที่พัทยา มีที่ดินว่างอยู่แปลนหนึ่งติดกับถนนใหญ่ไม่รู้จะทำอะไรดี อยากจะทำอาคารพาณิชย์ขายแต่ไม่มีความรู้ กลัวจะขายไม่ได้ เลยมาปรึกษาผม เมื่อผมขึ้นไปดูสถานที่จริง ก็เห็นว่า ที่ดินอยู่ในทำเลที่ดี มีกระแสไหนผ่าน เพราะถนนหน้าที่ดินตัดเชื่อมกับถนนอีกหลายสาย แถมยังมีหมู่บ้านอยู่ใกล้ๆ ห่างจากที่ดินประมาณ 100 เมตร
ผมเลยแนะนำไปว่า น่าจะทำได้แต่ถ้าจะให้ดี ควรสร้างจุดขายให้กับโครงการก่อน ผมถามไปว่า รู้จักกับผู้จัดการธนาคารไหนบ้าง ที่ต้องการเปิดสาขาย่อยบริเวณนี้ เพราะถ้าได้ธนาคารมาเปิดที่โครงการ จะช่วยดึงให้คนสนใจโครงการนี้ง่ายขึ้น ซึ่งแน่นอนการขายก็จะง่ายตามไปด้วย
ลูกค้าบอกผมว่ารู้จักอยู่หลายธนาคาร น่าจะเป็นไปได้ ผมยังบอกอีกว่า นอกจากธนาคารแล้ว ยังสามารถดึงร้านดังๆ อย่าง 7-Eleven ก็จะยิ่งช่วยดึงดูดลูกค้ารายอื่นๆให้เข้ามาจองได้ง่ายขึ้น เวลาผ่านไปประมาณ 6 เดือน ลูกค้าโทรมาหาผมบอกว่า โครงการถูกจองหมดแล้ว ( 20 ห้อง) เพราะได้ทั้งธนาคารและ 7-Eleven มาลงตามที่ผมแนะนำไป
เหตุผลที่ผมแนะนำให้เอาธนาคารหรือ 7-Eleven มาลงในโครงการก็เพราะผมใช้หลักของฮวงจุ้ยนี้แหละ หลักฮวงจุ้ยบอกว่า การค้าต้องมีตัวดึงกระแสให้หยุดและไหลเข้า การทำโครงการแบบโดดๆไม่พึ่งพาใคร ย่อมเหนื่อยที่จะโปรโมทให้คนรู้จักหรือสนใจ แต่ถ้าได้แบรนด์ดังที่มีชื่อเสียงมาอยู่ในโครงการแล้ว การโปรโมทก็ไม่ต้องเหนื่อยมาก แค่บอกว่ามีธนาคารจะมาเปิด มี 7-Eleven จะมาลงที่นี้ คนที่มาจองก็สนใจแล้ว
นี่เป็นการใช้ Connection ในรูปแบบที่ดึงผู้อื่นให้มาช่วย แทนที่จะทำคนเดียว โดดๆ ลูกค้าผมมี Connection กับธนาคารจึงไม่ใช่เรื่องยากในการคุย หรือเจรจาทางธุรกิจ
เห็นประโยชน์ของการมี Connection หรือยังครับ…
อ.มาโนช ประภาษานนท์
ผู้เชี่ยวชาญด้านฮวงจุ้ย
