ท่านนักลงทุนและผู้อ่านครับ การรับชำระหนี้ด้วยเช็คปัจจุบัน ต้องระมัดระวังเพราะเดี๋ยวนี้ ความผิดอันเกิดจากการใช้เช็คไม่มีใครกลัวกันแล้ว จ่ายเช็คเด้ง เจ้าหนี้ทวงเตือน เจ้าหน้าที่ตำรวจออกหมายเรียกครั้งแรกไปรับทราบข้อกล่าวหาเสร็จตำรวจปล่อยตัวไม่ต้องวางเงินประกัน สุดท้ายขอผ่อนชำระง่ายๆ กฎหมายถือว่าผู้ออกเช็คเด้งไม่ใช่อาชญากร เราในฐานะนักลงทุนสูญเสียสินค้าไปกระทบต่อกระแสหมุนเวียนหากเจอเข้ารายหลายก็แย่ได้เหมือนกันนะครับ วันนี้มีเรื่องเล่าที่จะต้องศึกษาเกี่ยวกับการรับชำระหนี้เด้วยเช็ค คือ เช็คที่ถูกธนาคารปฏิเสธแล้ว ผู้ออกเช็คนำมาแก้วันที่ลงในเช็คแล้วเซ็นชื่อกำกับ นำมาชำระหนี้ค่าสินค้าให้กับเราใหม่ ไม่เป็นความผิดอาญาอีก แต่ผิดทางแพ่งอย่างเดียว วันนี้มีฎีกามาฝากลองอ่านดูนะครับ
ข้อเท็จจริง นางปวีณา ถูกฟ้อง ได้ออกเช็คชำระเงินค่าเช่าซื้อจำนวน 400,000 บาท เป็นเช็คธนาคารออมสิน สาขาสวี ลงวันที่ 15 กันยายน 2544 มอบให้นายอลงกรณ์ไว้เพื่อชำระค่าเช่าซื้อรถแบ็คโฮและรถแทรกเตอร์ ต่อมา เช็คฉบับลงวันที่ 15 กันยายน 2544 ถึงกำหนดใช้เงิน นายอลงกรณ์จึงนำเช็คไปเข้าบัญชีที่ธนาคารทหารไทยจำกัด (มหาชน) เมื่อวันที่ 17 กันยายน 2544 เพื่อเรียกเก็บเงินตามวิธีการของธนาคาร ฯ ปรากฏว่าธนาคารตามเช็คปฏิเสธการจ่ายเงิน ให้การปฏิเสธว่า “เหตุผลว่าเงินในบัญชีไม่พอจ่าย” เมื่อวันที่ 17 กันยายน 2544
นายอลงกรณืจึงนำเช็คไปแจ้งความดำเนินคดีกับนางปวีณา ข้อหา ออกเช็คโดยเจตนาที่จะไม่ให้มีการใช้เงินตามเช็ค หรือในขณะออกเช็คโดยเจตนาไม่มีเงินอยู่ในบัญชีอันจะพึงให้ใช้เงินได้ ฯ
ตำรวจเรียกตัวนางปวีณา แจ้งข้อ หา แล้วปล่อยตัวไป เมื่อนางปวีณา ให้การปฏิเสธ ภายหลังการสอบสวน นางปวีณาให้การปฏิเสธ ตำรวจและอัยการมีความเห็นสั่งฟ้อง
ศาลชั้นต้น พิพากษาว่านางปวีณามีความผิดตามพรบ.ว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ.2534 มาตรา4 (๑)(๓) จำคุก 3 เดือน จำเลยให้การรับสารภาพลดโทษ 1/3 คงจำคุก 2 เดือน
นางปวีณาอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์ ภาค ๘ พิพากษา ยกฟ้อง
โจทก์ ฎีกา ศาลฎีกา ได้ข้อเท็จจริงว่า วันที่ 5 มิย.41 นายเดชดี สามีนางปวีณา ได้ทำสัญญาเช่าซื้อรถแบ็คโฮและรถแทรกเตอร์ รวม 3 คัน ไปจากนายอลงกรณ์ มีนางปวีณา สั่งจ่ายเช็คธ.ออมสิน จำนวน 400,000 บาทลงวันที่ 25 กันยายน 2541 และเช็คอื่นอีก 2 ฉบับ ต่อมานายเดชดีผิดสัญญาเช่าซื้อ นางปวีณาจึงได้เข้าทำสัญญาเช่าซื้อกับนายอลงกรณ์เพื่อจะใช้รถต่อไปโดยตกลงเช่าซื้อในราคา 850,000 บาทแบ่งชำระเป็น 2 งวด ในการชำระเงินงวดแรก นางปวีณาได้นำเช็ค ฉบับที่เด้งครั้งก่อนมาแก้วันที่ จาก วันที่ 25 กันยายน 2541 เป็น วันที่ 15 กันยายน 2544 มอบให้แก่นายอลงกรณ์ไว้เพื่อชำระหนี้ค่าเช่าซื้อตามสัญญา ขณะแก้ไขวันที่ นางปวีณาได้ลงนามกำกับการแก้ไขวันที่เรียบร้อย ตามมาเมื่อเช็คถึงกำหนดเวลาตามวันที่ที่ได้แก้ไข ธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงิน โดยให้เหตุผลว่าเงินในบัญชีไม่พอจ่าย
ปัญหาต้องวินิจฉัย การกระทำของนางปวีณามีความผิดตามฟ้องหรือไม่ เห็นว่า การที่ นางปวีณา นำเช็คที่ถูก ธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงินมาแล้ว มาแก้ไขวันที่และลงชื่อกำกับวันที่ที่แก้ไขไว้ แม้เจตนาจะให้มีผลผูกพันเพื่อชำระหนี้ค่าเช่าซื้อที่ นางปวีณา ทำสัญญากับ นางอลงกรณ์ และเป็นการแก้ไขวันสั่งจ่ายเงินซึ่งเป็นสาระสำคัญในเช็ค ตาม ปพพ.มาตรา 1007 แต่การลงวันที่ใหม่และลงนามกำกับแก้ไข อันเป็นรายการที่มีอยู่ในเช็คเดิม จึงเป็นเพียงการแก้วันที่ในเช็คเพียงอย่างเดียว เช็คพิพาทยังเป็นเช็คเดิมไม่เป็นการออกเช็คใหม่แต่อย่างใด เมื่อเช็คพิพาทถูกปฏิเสธมาครั้งหนึ่งแล้ว ความผิดฐานเจตนาออกเช็คโดยไม่ให้มีการใช้เงินตามเช็ค ย่อมเกิดขึ้นนับแต่วันนั้นแล้ว การที่นายอลงกรณ์นำเช็คไปเรียกเก็บเงินอีกและ ธ .ปฏิเสธการจ่ายเงินครั้งที่ สอง จึงหาได้เกิดความผิดขึ้นใหม่อีกเพราะเป็นการกระทำอันเดียวกันนั้นเอง การกระทำอันเดียวจะเป็นความผิดสองครั้งหาได้ไม่ การกระทำของ นางปวีณา จึงไม่เป็นความผิดตามฟ้อง แม้ไม่มีคู่ความฝ่ายใดยกขึ้นว่ากล่าว ศาลฎีกา ยกขึ้นว่ากล่าวได้ ที่โจทก์ฎีกาว่าคดีไม่ขาดอายุความ จึงหาจำต้องวินิจฉัย เนื่องจากไม่ทำให้ผลแห่งคดีเปลี่ยนแปลงไป ที่ศาลอุทธรณ์ ภาค ๘ พิพากษานั้น ศาลฎีกาเห็นด้วยในผล
พิพพากษา ยืน
ฎีกา 13/53 พรบ.ว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ.2534 ม.4
ทนายอำพล รัตนมูสิก