หอเกียรติคุณ วีรบุรุษกู้ชาติ โดย อ.มานิต รัตนสุวรรณ


     ถ้าจะถามว่าวีรกษัตริย์นักรบที่เก่งที่สุดในประวัติศาสตร์ชาติไทยนอกจากสมเด็จพระนเรศวรที่เราทำภาพยนตร์ยกย่องถึง ๕ ตอน มีใครอีกไหม คำตอบชัดเจน มีครับ คือสมเด็จพระเจ้าตากสิน วีรบุรุษกู้ชาติ รับรองว่า คนไทยจะตอบเหมือนกันทุกคน แต่ทำไมเราไม่สร้างภาพยนตร์ยกย่องท่านเหมือนสมเด็จพระนเรศวรบ้าง อันนี้ผมว่าคนไทยก็คงตอบกันอึก ๆ อัก ๆ
 
     ครับ อึก ๆ อัก ๆ กันมา ๒๔๗ ปีแล้วครับ จนวีรกรรมที่พระองค์สร้างไว้กลายเป็นวีรกรรมที่โลกเกือบลืม ทั้งที่เราเป็นประเทศมาได้ทุกวันนี้ ก็เกิดจากวีรกรรม วันที่ ๖ พฤศจิกายน ปี ๒๓๑๐
 
     ๖ พฤศจิกายน ที่ผ่านมาเป็นวันเพ็ญเดือนสิบสองน้ำนองเต็มตลิ่ง เมืองไทยมีการจัดงานลอยกระทงสนุกสนานทั่วประเทศ แต่ไม่มีใครนึกถึงเลย ถามใครก็ตอบไม่ได้ว่าวันนี้เป็นวันสำคัญอะไรของชาติ อพิโถ…ลืมไปหมดแล้วทั้งประเทศไทย แม้นักวิชาการ นักประวัติศาสตร์ที่ยิ่งใหญ่ แม้คนที่ชอบอ้างว่ารักชาติ
 
     กลายเป็นนักการตลาดกิ๊กก๊อกอย่างผม ที่พยายามขั้นป้ายเชิดชูเหล่าวีรชนผู้ยิ่งยง เตือนสติว่า เป็นวันครบรอบ ๒๔๗ ปี ของพระเจ้าตากที่บุกเข้ายึดกรุงศรีอยุธยาคืนจากกองทัพกองทัพพม่าที่รักษากรุง วันที่ฆ่าสุกี้นายกองตัวแสบและปราบข้าศึกจนหมดสิ้นแผ่นดินสยาม ล้างแค้นแทนชาวกรุงศรีที่ถูกฆ่าอย่างทารุณนับแสนคน นับแต่วันที่ ๗ เมษายน ๒๓๑๐ ไม่รวมกับถูกจับล่ามไปเป็นเชลยที่กรุงหงษาวดีนับหมื่นคน ซึ่งถือเป็นวันมหาวิปโยค วันสิ้นชาติที่น่าอัปยศหดหู่ยิ่งนัก
 
     ใช่ครับ วันที่ ๖ พฤศจิกายน ปี ๒๓๑๐ คือ วันกู้ชาติ วันประกาศอิสรภาพ  วันที่ได้เอกราชของชาติคืนมา วันที่โลกลืมมานานถึง ๒๔๗ ปี วันที่เราน่าจะถือว่าเป็นวันอภิมหาปิติ วันแห่งการเฉลิมฉลองอย่างยิ่งใหญ่ของวีรกรรมกองทัพไทย เพียงชั่วคืนเดียว แค่บ่ายโมงของวันขึ้น ๑๕ ค่ำเดือน ๑๒ กองทัพเรือผสมกองทัพบกที่ยกมาเป็นร้อยลำ ทหารเสือพระเจ้าตากก็เผด็จศึกพิชิตกองทัพพม่าแบบสายฟ้าแลบชนิดพม่าถกโสร่งหนีน้ำไม่ทันเพราะคาดไม่ถึง 
 
     แค่บ่ายโมงกองทัพไทยก็ประกาศชัยชนะอย่างเด็ดขาด เป็นยุทธศาสตร์การรบที่ลึกซึ้งเฉียบขาด และเป็นกองทัพชาวบ้านที่รักชาติที่รวบรวมกันติดตามพระเจ้าตากจากอยุธยา ฉะเชิงเทรา นครนายก แต่ที่สำคัญ คือ ชาวชลบุรี ระยอง จันทบุรี ตราด รวมกันมาเป็นกองทัพกู้ชาติ เล่ากันว่าผู้ชายมากันหมดเมืองทุกเมือง ทิ้งไว้แต่คนชราและสตรีเฝ้าบ้าน
 
     และเหล่านักรบกู้ชาติเหล่านี้ ก็สร้างวีรกรรมที่ควรจะโด่งดังระดับโลก ควรจารึกไว้เป็นเกียรติประวัติแก่วงศ์ตระกูล ลูกหลาน ความเหี้ยมหาญของนักรบไทย ความรักชาติยิ่งชีวิต และความสำเร็จที่ยิ่งกว่าคำว่าอัศจรรย์  ถ้าเป็นต่างประเทศก็จะเป็นวันที่มีการสวนสนามอย่างสวยงามและฉลองกันอย่างเอิกเกริกทั้งประเทศ แต่ ๖ พฤศจิกายนที่ผ่านมา เราฉลองกันแต่ว่าเป็นวันลอยกระทง น่าเสียดายจริง ๆ
 
     เมื่อวันที่ ๖ พ.ย. ที่ผ่านมา ผมสังเกตว่าปีนี้จะมีสื่อมวลชนฉบับใดสนใจจับประเด็นเรื่องนี้หรือไม่ หาเท่าไรก็ไม่มีแวว มีแต่ผมเองที่ขึ้นป้ายใหญ่ไว้ที่ กม.๑๐๘ ถนนสุขุมวิท แถวถนนเลี่ยงเมืองหนองมน และช่วงเช้าผมก็ทำพิธีบวงสรวงดวงวิญญาณวีรบุรุษกู้ชาติ และทำบุญอุทิศส่วนกุศลให้เหล่าวีรบุรุษกู้ชาติทุกคน และผมก็ติดป้ายเตรียมสร้าง “หอเกียรติคุณวีรบุรุษกู้ชาติ” เป็นอาคารเล็ก ๆ เพื่อรวบรวมเรื่องราว ของขบวนการกู้ชาติของทหารเสือพระเจ้าตาก ทำเป็นเรื่องราวแบบละครโรงเล็ก ๑๒ ฉาก เพื่อให้เยาวชนและคนไทยรุ่นหลังได้มารำลึกถึงพระคุณและวีรกรรมอันยิ่งใหญ่ของเหล่าวีรบุรุษกู้ชาติ และตั้งใจว่าทุกปี เราจะจัดงาน “วันกู้ชาติ” ซึ่งถือว่าเป็นงานของเอกชนเล็ก ๆ กลุ่มหนึ่ง ที่เป็นแฟนคลับเรื่องนี้ว่างั้นเถอะ
 
     อ้อ ต้องไม่ลืมขอบคุณ คุณดนัย จันทร์เจ้าฉาย แห่งสำนักพิมพ์ดีเอ็มจีบุ๊คส์ ที่พิมพ์หนังสือ บันทึกจอมทัพพระเจ้าตาก ออกจำหน่ายเป็นหนังสือสวยงาม ในวันที่ ๖ พฤศจิกายน ผมไปพบข้อความใน facebook ของคุณดนัยโดยบังเอิญ แม้จะไม่ได้ระบุว่าข้อความมาจากแหล่งใด แต่เป็นข้อความที่คัดลอกส่วนหนึ่งมาจากที่ผมเขียนใน www.smatmarketing.com เมื่อวันที่ ๓ พฤศจิกายน ๒๕๕๗ “เรื่อง ๖ พฤศจิกายน ๒๓๑๐ วันกู้ชาติสยาม วันที่โลกลืม….” ก็ถือว่าดีครับ ช่วยกันเผยแพร่ ช่วยกันกระจายความคิด ผมแอบดูตัวเลขจากการแชร์กับคนในเฟสบุคส์ เห็นมีคนเข้ามาร่วมกันแสดงความคิดเห็นมากมาย ส่วนใหญ่ชื่นชม และบอกว่าไม่รู้มาก่อนเลย เพราะประวัติศาสตร์ส่วนนี้ถูกข้ามไปเฉย ๆ 
 
     ผมเห็นตัวเลข Visit จำนวนหลายพันราย แสดงว่ามีคนสนใจเรื่องนี้ไม่น้อย ถือว่าปีแรกได้ประมาณนี้ก็โอเคครับ ถือว่าร่วมด้วยช่วยกัน แต่ในหนังสือเล่มดังกล่าวของสำนักพิมพ์ดีเอ็มจี ที่เขียนโดยคุณลดา รธิรกนก เขียนว่า วันกู้ชาติ คือวันที่ ๗ พฤศจิกายน ซึ่งผมก็ต้องกลับไปเช็คหลาย ๆ แหล่งก็ยืนยันว่าวันขึ้น ๑๕ ค่ำ ปีกุน จ.ศ.๑๑๒๙ ตรงกับวันศุกร์ที่ ๖ พฤศจิกายน พ.ศ.๒๓๑๐ ยังไงก็ลองเอาข้อมูลมาสังคายนากันก็ได้นะครับ ถือว่าทำด้วยความรักวีรบุรุษด้วยกัน
 
     นี่ละครับ คือ สาเหตุที่ผมจะสร้างอาคารหลังน้อย ใหญ่ประมาณ ๓ ห้องแถว ตั้งใจว่าจะให้สูงประมาณ ๗ ชั้น เพราะเนื้อที่น้อย แต่จะให้มีเอกสาร หนังสือ เกี่ยวกับเรื่องพระเจ้าตากและทหารเสือของท่านให้มากที่สุด มีห้องนิทรรศการ 4D Light & Sound  ในรูปโรงละครหุ่นจำลอง ๑๒ ฉาก เริ่มตั้งแต่ ศึกบางระจัน ตามด้วย ตีแหกค่ายกรุงศรีอยุธยา รบกับกองทัพพม่าที่ติดตามมา ฉากแม่น้ำโจ้โล้ ฉากวีรสตรีนางโพ ฉากรวบรวมชาวกู้ชาติ ฉากกรุงศรีอยุธยาแตกถูกเผา ฉากทุบหม้อข้าวตีเมืองจันทร์ ฉากสร้างกองทัพเรือที่ตราด ฉากตีป้อมธนบุรี ฉากกองทัพเรือพยุหยาตรา ฉากตีค่ายโพธิ์สามต้น ฉากประกาศอิสรภาพ ฯลฯ นี่เป็นแนวคิดคร่าว ๆ ของผม ในฐานะนักทำละครศาลาเฉลิมกรุงเก่า
 
     ผมจะให้มีห้องประชุมขนาดย่อม ๆ เอาไว้ให้คนรักพระเจ้าตากนั่งคุยกัน สัมมนากัน มีระบบแสงสีเสียง อุปกรณ์โสตทัศนะครบครัน อาจจะทำมัลติวิชั่น ให้ชมฟรี ในฐานะเป็นนักทำมัลติวิชั่นเก่า เขียนสคริพท์เองวางสตอรี่บอร์ดเอง ทำเอง ควบคุมเอง สมัยก่อตั้งและบริหาร บริษัทสปาแอดเวอร์ไทซิ่ง และบริษัทมัลติมีเดีย ซึ่งคงต้องปรับปรุงใหม่เยอะ เพราะอุปกรณ์เทคนิคปัจจุบันก้าวไปไกลมาก
 
     หน้าอาคารผมกำลังให้เขาปั้นอนุสาวรีย์ทหารเสือพระเจ้าตาก ถือธงฉลองชัยชนะ สง่างาม ให้คนมาถ่ายรูปเป็นที่ระลึก มีร้านขายของที่ระลึกเล็ก ๆ ร้านกาแฟ ร้านขายหนังสือ ร้านอาหาร เพื่อรองรับคนรักชาติ คนสนใจประวัติศาสตร์ และพากันมารำลึก วีรกรรม “ศึกกู้ชาติ” ถ้ามีโอกาสก็จะหาสถานที่แสดงละครในจังหวะที่เหมาะสม เพราะสคริพท์กับผู้แสดงผมมีพร้อม เพราะเคยแสดงที่ศาลาเฉลิมกรุงมาแล้ว
 
     ทั้งหมดนี้ ก็เป็นความฝันเล็ก ๆ ของนักการตลาดอาตี๋น้อยคนหนึ่ง จิตวิญญาณนักการตลาดที่อยากจะแทนพระคุณแผ่นดิน อยากทำกิจกรรมเพื่อส่งเสริมสังคม ในฐานะที่เป็นนักการตลาด และสอนเรื่องการตลาดมาตลอดชีวิต จนถึงกับตั้งสถาบันการตลาดเพื่อสังคมแห่งประเทศไทย ทั้งพิมพ์หนังสือและสอนหนังสือมาจนทุกวันนี้ แต่ครั้งนี้น่าจะเป็นงานสำคัญที่ถือเป็นผลงานสุดท้ายในชีวิต ที่คงจะทำด้วยความรักและผูกพันเชิญชวนพรรคพวกที่สนใจมาร่วมด้วยช่วยกัน ถือเป็น มินิมิวเซียมส่งเสริมสังคม ส่งเสริมให้เยาวชนคนไทยหันมารักชาติ ซึ่งตอนนี้รัฐบาลกำลังเร่งมือส่งเสริมนี่แหละครับ ผมเบี้ยน้อยหอยน้อยก็ทำได้นิด ๆ หน่อย ๆ แค่นี้ละครับ
 
     คำถามที่หลายคนถามนั่นแหละครับ ว่าทำทำไม เหนื่อยนะ ผมอยากจะยกคำพูดของ อัลเบิร์ต ไอน์สไตน์ ที่พูดไว้น่าประทับใจว่า “Try not to become a man of success.  But…rather to become a man of value” พยายามเป็นคนที่มีคุณค่า (ต่อโลกและสังคม) ดีกว่าเป็นคนที่ประสบความสำเร็จ ใช่ครับ ความสำเร็จที่ไม่มีคุณค่าต่อโลกและสังคม ก็ไม่มีประโยชน์อะไร ถูกต้องแล้วคร้าบ อาจารย์ไอน์สไตน์
 
     ก็เพราะคติของผม “ความสุขกับความเหนื่อยยาก มักจะแยกจากกันไม่ได้” เป็นเสียอย่างนี้แหละครับ นี่คือจิตวิญญาณการตลาดที่แท้ ที่ผมถือมาตลอดชีวิตครับ
                                                     
                                                                                                     อ.มานิต รัตนสุวรรณ
                                                                                                  Manit88@hotmail.com
                                                                                                www.smatmarketing.com