ชุดวิวาห์คือส่วนหนึ่งในการเนรมิตให้เจ้าบ่าว เจ้าสาว ดูสง่างามท่ามกลางสายตาแขกนับร้อย นับพันคนในวันแต่งงาน การเลือกชุดแต่งงานจึงเป็นเรื่องสำคัญมากสำหรับบ่าวสาว หากถามถึงร้านเช่าชุดแต่งงานที่ได้รับความนิยมจากกลุ่มลูกค้าจำนวนมาก คงต้องยกให้กับร้าน “FullRich” ร้านเช่าชุดแต่งงานที่ได้รับการกล่าวขวัญถึงมากที่สุดในยุคนี้
นั่นเป็นเพราะร้านนี้มีชุดให้เช่ามากที่สุดเป็นอันดับ 1 ของประเทศ ละลานตาไปด้วยชุดเนื้อคู่กว่า 4,000 ชุด และมีการบริการทั้งเบื้องหน้า-เบื้องหลัง ที่ทำให้ลูกค้าเกิดความประทับใจ
ปิยาภัสร์ ค้ำชู เธอคือเจ้าของอาณาจักรร้าน “FullRich” ธุรกิจเกี่ยวกับชุดแต่งงานให้เช่าในวัย 32 ปี เธอสามารถสร้างธุรกิจที่ก้าวผ่านอุปสรรคมากมาย จนกระทั่งได้ลิ้มรสชาติความสำเร็จ ซึ่งนับได้ว่าชีวิตที่สุขสบายในวันนี้ มาจากหนึ่งสมอง และสองมือของเธอล้วนๆ
ความย้อนกลับไปเมื่อสมัยเป็นเด็กหญิงปิยาภัสร์ ลูกแม่ค้าขายส้มตำ ที่ต้องช่วยพ่อแม่ทำงานทุกอย่างทั้งในบ้านและนอกบ้าน เธอเรียนรู้การทำงานทุกๆ อย่างจากพ่อแม่ และนำมาปฏิบัติเท่าที่เด็กคนหนึ่งจะทำได้ กระทั่งอายุย่างเข้า 8 ขวบเธอก็เริ่มออกไปรับจ้างตัดเย็บเสื้อผ้า หลังจากนั้นก็ใช้ชีวิตคลุกคลีอยู่กับการตัดเย็บเสื้อ ฝึกฝนฝีมือเรื่อยมา จนสามารถแก้ชุดนักร้อง ชุดแฟนซีได้ กระทั่งเธอมาถึงขั้นที่สามารถตัดเย็บชุดเพื่อนเจ้าสาวให้เช่าได้ในที่สุด
จากนั้นชีวิตของสาวลูกแม่ค้าขายส้มตำก็เปลี่ยนไป เธอเริ่มหันเหเข้าสู่การจับกรรไกรก้มหน้า ก้มตา ตัดเย็บชุดและแก้ชุดเรื่อยมา
จนเริ่มมีลูกค้ารู้จัก และแวะเวียนมาใช้บริการอยู่สม่ำเสมอ เพราะชื่นชอบในการตัดเย็บ แก้ไข ที่ประณีต ประกอบกับตัวเจ้าของร้านมีความเป็นกันเองกับลูกค้า ทำให้ลูกค้าประทับใจและกลับมาใช้บริการอยู่เรื่อยๆ จากเสน่ห์ตรงนี้นี่เองที่ทำให้เธอมีฐานลูกค้าที่เหนียวแน่นเพิ่มขึ้นจนจำเป็นต้องขยายธุรกิจ
จากร้านที่เปิดใต้ตึกคอนโดมิเนียม ซึ่งไม่มีพื้นที่จอดรถรองรับลูกค้าที่นับวันยิ่งมากขึ้นเรื่อยๆ 4 ปีต่อมา ปิยาภัสร์จึงมองหาทำเลใหม่ด้วยการลงทุนซื้อบ้านเดี่ยวในหมู่บ้านเพอร์เฟค พาร์คย่านร่มเกล้า และเนรมิตให้เป็นอาณาจักรร้านเช่าชุดบนพื้นที่บ้านเดี่ยว 4 หลัง 2 ชั้น พร้อมกับใช้ชื่อธุรกิจว่า “FullRich” อย่างเต็มตัวในปี 2007
เมื่อธุรกิจเดินหน้าไปสู่ก้าวที่ใหญ่ขึ้นปิยาภัสร์ จึงต้องวางระบบธุรกิจให้มีความรัดกุม ชัดเจน ในทุกๆ ด้าน มีการแบ่งการทำงานเป็นแผนกเช่น แผนกตัดเย็บ แผนกคัทติ้ง แผนกฟิตติ้งแผนกบริการลูกค้า ฝ่ายขาย เป็นต้น โดยที่ตัวเธอเองได้ผ่านงานในทุกๆ แผนกมาหมดแล้วจึงมีความรู้และความเชี่ยวชาญที่สามารถถ่ายทอดสู่พนักงานที่ดูแลในส่วนต่างๆ ได้เป็นอย่างดี
สำหรับหลักการทำงานของ เจ้าของแบรนด์ FullRich เธอยึดหลักว่า “งานทุกอย่างต้องเอาอยู่” เรื่องคุณภาพ ชุดทุกชุด ก่อนที่จะส่งถึงมือลูกค้าต้องดีที่สุด สวยที่สุด คุณภาพของงานต้องสมบูรณ์แบบที่สุด ไม่ว่าเจ้าสาวจะเดินไปจุดใด ส่วนใดของงาน ต้องสวยสง่าทุกย่างก้าว ทุกๆ การเอี้ยวตัวบิดตัว ชุดต้องไม่บิดตาม ต้องคำนึงอยู่เสมอว่าหากเจ้าสาวได้สวมใส่ชุดแล้ว ต้องสามารถทำได้ทุกๆ กิจกรรมอย่างมั่นใจ ไม่ต้องกังวลว่าชุดจะขาดหรือชุดจะหลุด
“ชุดที่ได้คุณภาพของเรา ทำให้เจ้าสาวเกิดความมั่นใจในการสวมใส่ และประทับใจที่เลือกชุดกับร้านที่เขาไม่ผิดหวัง ความสวยงามและความสมบูรณ์ของชุด เป็นสิ่งที่อยู่ในสายตาจากแขกนับร้อย นับพัน หากแขกกล่าวชื่นชม ก็จะเกิดการบอกต่อ ช่วยกระจายข่าวออกไปในวงกว้าง ทำให้เราเป็นที่รู้จักในวงการมากขึ้น โดยที่เราไม่ต้องใช้งบลงโฆษณาเลย”
นักธุรกิจหญิงวัย 30 ต้นๆ ยังบอกอีกว่าสิ่งที่จะทำให้ลูกค้าสามารถบอกต่อถึงร้าน “FullRich”ได้อย่างเต็มปากและกล่าวออกมาจากใจ ส่วนหนึ่งมาจากความแตกต่างของธุรกิจไลน์เดียวกันในแง่ของการบริการ เช่น มีบริการให้ยืมเครื่องประดับฟรี มีรองเท้าให้เจ้าสาวยืมไปใส่ฟรี ซึ่งเป็นรองเท้าเฉพาะที่ใส่ควบคู่กับชุดแต่งงาน สามารถรองรับกับน้ำหนักของชุดได้อย่างดี โดยปิยาภัสร์ลงทุนในส่วนนี้ไปถึง 3 ล้านบาท
นอกจากนี้ ความสุดยอดของร้าน “FullRich”อีกเรื่องหนึ่งคือ เรื่องคัทติ้ง (โครงสร้างของชุด)โดยทางร้านสามารถสร้างแพทเทิร์นให้กับลูกค้าที่มีสรีระผิดส่วน หรือรูปร่างไม่ผอมเพรียว ให้สามารถดูดี สมส่วน ได้หมด นอกจากนี้ยังมีความเป็นมืออาชีพในเรื่อง
การฟิตติ้ง (การแก้ชุดให้พอดีตัว) ซึ่งถือเป็นเรื่องที่มีความสำคัญมากๆ ทางร้านสามารถแก้ไซส์ให้ชุดนั้นกลายเป็นชุดที่เสมือนกับชุดสั่งตัดใหม่หรือดีกว่าชุดที่เช่าตัดเลยทีเดียว ปิยาภัสร์บอกว่าทางร้านสามารถแก้ไขชุดให้เข้ากับรูปร่างของผู้หญิงได้ทุกคน และทุกชุดเมื่อสวมใส่แล้วจะรู้สึกสบาย ไม่อึดอัด
นอกจากการตลาดแบบ “ปากต่อปาก” ที่ทำให้ FullRich เป็นที่รู้จักมากขึ้นเรื่อยๆ แล้ว ปิยาภัสร์ยังให้ความสำคัญกับโลกออนไลน์ โดยเธอจะโพสต์รูปชุดใหม่ๆ ทุกวันอย่างต่อเนื่องบนเฟซบุ๊ก เพื่อให้ลูกค้าเข้าถึงโปรดักส์และติดตามความเคลื่อนไหวของธุรกิจได้อย่างใกล้ชิด ส่วนการบริหารชุดเช่าที่มีในร้าน ที่มีให้เลือกเช่ามากกว่าเกือบครึ่งหมื่นชุด หากเป็นชุดเก่า ปิยาภัสร์จะนำมาปรับเปลี่ยนดีเทลใหม่ ใส่รายละเอียดเพิ่มหรือตัดให้เป็นเดรสสั้น ซึ่งวิธีนี้ทำให้ FullRich มีชุดใหม่ๆ ให้ลูกค้าเลือกอยู่เป็นประจำ
ณ วันนี้ “FullRich” มีอายุครบ 7 ปี ด้วยฝีมือ เรี่ยวแรงและหัวใจของปิยาภัสร์ ที่ทำให้จุดเริ่มต้นธุรกิจเล็กๆ เมื่อ 7 ปีก่อน กลายเป็นธุรกิจมีรายได้ถึง 100 ล้านบาท วันนี้เธอมีฟรีแลนซ์ร่วมงานด้วย 60 ชีวิต และมีลูกค้าที่เข้ามาใช้บริการจำนวนมากมาย โดยลูกค้าของ FullRich เฉพาะช่วงเดือนพฤศจิกายน-มกราคม ในวันเสาร์-อาทิตย์ จะมีประมาณ 50 คู่ ส่วนช่วงฤดูกาลอื่นๆ จะมีลูกค้าเข้ามาทุกๆ วันโดยเฉลี่ยวันละ 20 คู่
สำหรับ Key Success หรือกุญแจแห่งความสำเร็จในธุรกิจ ปิยาภัสร์บอกว่า มาจากบุคลิกส่วนตัวที่ไม่ว่าจะทำอะไร ต้องทำให้ดีที่สุด ต้องมีระเบียบ วินัย ทุกอย่างที่ทำต้องแม่น และต้องมีความยุติธรรม โดยไม่เลือกว่าลูกค้าท่านไหนจะสนิทหรือไม่ก็ตาม
สุดท้าย เจ้าของธุรกิจร้อยล้านในแบรนด์ FullRich ฝากถึงผู้ประกอบการรุ่นใหม่ที่จะก้าวเข้ามาวงการนี้ว่า สิ่งสำคัญที่จะทำให้ธุรกิจอยู่รอดยั่งยืนได้ ต้องมาจาก “คุณภาพและจรรยาบรรณ” ปิยาภัสร์ย้ำว่า การเป็นแชมป์ ไม่ใช่เรื่องยาก แต่การรักษาแชมป์ยากยิ่งกว่า สอดคล้องกับ FullRich ภายใต้การบริหารของปิยาภัสร์ ที่ต้องพยายามรักษาความเป็นที่หนึ่งของตลาดชุดเช่าวิวาห์ให้ได้ตลอดไปเช่นกัน