ส.อ.ท. ชี้โอกาสธุรกิจก่อสร้าง-โลจิสติกส์ในยุค AEC


สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย แนะธุรกิจที่มีโอกาสในอาเซียน อาทิ ธุรกิจก่อสร้าง, พลังงาน, ธุรกิจขนส่งโลจิสติกส์ และธุรกิจท่องเที่ยว-สุขภาพ

คุณศักดิ์ชัย อุ่นจิตติกุล ประธานคณะกรรมการบริหาร สถาบันวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมอุตสาหกรรมการผลิต (เอสเอ็มไอ) สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) กล่าวว่า ไทยมีความพร้อม 60% ในการเข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนในปลายปี 2558 เนื่องจากยังไม่มีการผลักดันและส่งเสริมเอสเอ็มอีในประเทศอย่างเต็มรูปแบบ จึงต้องรีบดำเนินการภายในปีนี้ โดยภาครัฐต้องกำหนดหน่วยงานที่รับผิดชอบนโยบายหรือแผนแม่บทในการพัฒนาเอสเอ็มอี กำหนดหน่วยงานที่จะนำนโยบายไปสู่การปฏิบัติ ให้มีความชัดเจนว่าใครรับผิดชอบเรื่องใดบ้าง

“โอกาสของเอสเอ็มอีไทยใน AEC เรามีความได้เปรียบประเทศเพื่อนบ้านใน CLMV และประเทศอื่นๆ เราอยู่ในอันดับที่ 3 ของอาเซียน รองจากสิงคโปร์และมาเลเซีย แต่อินโดนีเซียและเวียดนามก็ไล่ไทยมาติดๆ เนื่องจากนโยบายรัฐในทั้งสองประเทศผลักดันและส่งเสริม” คุณศักดิ์ชัย กล่าว

ทั้งนี้ไทยเป็นผู้ผลิตสินค้าที่ได้มาตรฐานอยู่แล้วเทียบกับประเทศเพื่อนบ้าน ไทยอยู่ในอันดับนำของอาเซียน เพียงแต่ว่าอยู่ที่ต้นทุนของการผลิต เมื่อเปิด AEC แล้ว หากเปรียบเทียบกับสินค้าหมวดหมู่เดียวกัน ผู้ประกอบการที่จะขายสินค้าได้ จะต้องมีต้นทุนที่ถูกและมาตรฐานที่สูงกว่า โดยถ้ามองโอกาสธุรกิจในอาเซียน ประเทศไทยได้เปรียบในเรื่องวัสดุอุปกรณ์และการก่อสร้าง, มีความพร้อมทางด้านธุรกิจโลจิสติกส์ รวมถึงธุรกิจท่องเที่ยวและธุรกิจบริการสุขภาพ

“ธุรกิจเหล่านี้น่าจะเป็นโอกาสของไทยที่ได้เปรียบคู่แข่งในอาเซียน” คุณศักดิ์ชัย กล่าว