SME Bank ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย มอบสินเชื่อแก่ลูกค้ารายย่อยตลาดนัดเซฟวัน เพื่อให้ลูกค้ามีเงินทุนขยายกิจการ หรือปรับปรุงกิจการต่อไป นอกจากนี้ยังเจาะกลุ่มธุรกิจฟาร์มปศุสัตว์ ด้วยวงเงินไม่เกิน 15 ล้านบาท พร้อมอัตราดอกเบี้ยพิเศษ
ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (SME Bank) มอบสินเชื่อให้กับผู้ประกอบการตลาดเซฟวัน ตลาดกลางคืนที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย โดยมี นายสุพจน์ อาวาส กรรมการผู้จัดการเอสเอ็มอีแบงก์ เป็นผู้มอบสินเชื่อในครั้งนี้ และได้รับเกียรติจาก นายสุรวุฒิ เชิดชัย นายกเทศมนตรีนคร นครราชสีมา และนายรัตนไชย สราธิวัฒน์ประไพ ประธานกรรมการ ตลาดเซฟวัน
ทั้งนี้ตลาดเซฟวัน ( Save One Market ) เป็นตลาดค้าปลีกกลางคืนที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย ตั้งอยู่บนเนื้อที่กว่า 88 ไร่ จังหวัดนครราชสีมา เปิดขายตั้งแต่เวลา 17.00 – 22.00 น. มีร้านค้าเปิดจำหน่ายสินค้าต่าง ๆ ถึง 4,000 ร้าน ประกอบด้วยโซนจำหน่ายสินค้าหลากหลายประเภท อาทิ โซนอาหาร ตลาดสด ขายของเก่า เปิดท้ายขายของ สัตว์เลี้ยง ต้นไม้ มือถือและอุปกรณ์ เป็นต้น ซึ่งเอสเอ็มอีแบงก์คิดว่าลูกค้ากลุ่มนี้ เป็นฐานลูกค้ารายย่อยที่ธนาคารพร้อมให้การสนับสนุนสินเชื่อรายย่อย หรือ Small SMEs เพื่อให้ผู้ประกอบการมีเงินลงทุนเพื่อใช้ ขยาย หรือปรับปรุงกิจการ รวมถึงเป็นเงินทุนหมุนเวียนในธุรกิจ โดยให้กู้สูงสุด 1 ล้านบาท ผ่อนนาน 7 ปี และมีระยะปลอดเงินต้น 1 ปี และที่สำคัญลูกค้าสามารถใช้ บสย.ค้ำประกันการขอกู้ได้ด้วย โดยข้อเสนออัตราดอกเบี้ยพิเศษ ถ้าผู้ประกอบการยื่นขอกู้ภายใน 31 มีนาคม 2558 เอสเอ็มอีแบงก์คิดอัตราดอกเบี้ยปีแรก 8.70 % เท่านั้น
นอกจากนี้ SME Bank ยังได้เจาะกลุ่มลูกค้าฟาร์มไก่และสุกร รวมถึงธุรกิจอื่นๆ จากเครือข่ายพันธมิตรของธนาคาร ทั้งจากคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน ( BOI ) และ หอการค้าจังหวัด ศูนย์อุตสาหกรรมภาค 6 กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม ส่งต่อเครือข่ายสมาชิก เพื่อประสานความร่วมมือ ในการสนับสนุนผู้ประกอบการกลุ่มนี้ในการต่อยอดธุรกิจ โดยมีสินเชื่อสำหรับ SMEs ตามแผนยุทธศาสตร์กระทรวงอุตสาหกรรม หรือ หน่วยงานพันธมิตร สนับสนุน สามารถขอกู้ได้วงเงินต่อรายไม่เกิน 15 ล้านบาท อัตราดอกเบี้ยพิเศษ อยู่ในช่วง MLR ถึง MLR บวก 1% หรือประมาณ 7.25 – 8.25% เท่านั้น และสามารถใช้ บสย.ค้ำประกันได้
เป็นข่าวดีของผู้ประกอบการต่างจังหวัดอย่างชาวโคราช ที่ประกอบกิจการในตลาดนัดเซฟวัน ทั้งนี้ถือได้ว่าเป็นการพัฒนาอีกหนึ่งก้าวของที่มุ่งส่งเสริมผู้ประกอบการขนาดเล็กของไทย ให้มีศักยภาพพร้อมต่อสู้ในตลาดอาเซียนที่เปิดกว้างมากขึ้นในปีนี้