ท่านผู้ที่เป็นนักลงทุนทุกท่านครับ ในครั้งที่แล้วท่านนักลงทุนได้รู้การกู้ยืมเงินนอกระบบอย่างเป็นระบบ ซึ่งเป็นการรับรู้รายได้อีกทางหนึ่ง คราวนี้ท่านจึงควรจะได้รับรู้เรื่องรายได้ทางตรงของกิจการเสียที ในภาวการณ์ปัจจุบันยุคแห่งสีสันนี้ กับการขายมันค่อนข้างจะคาดเดายากว่าจะดีได้เมื่อไรทุกวันนี้ยอดสั่งซื้อมักจะลดลงตามที่ทราบกัน แน่นอนว่าใครก็ตามที่ได้รับยอดสั่งซื้อมากๆแล้วมักจะตื่นเต้น และจะตั้งใจผลิตสินค้าหรือให้บริการแก่ลูกค้าของตนอย่างดี โดยมักจะไม่ตรวจสอบคู่ค้าของเรามากมายนักเนื่องจากเกรงว่าจะทำให้ลูกค้าอึดอัดใจ แต่อย่างไรก็ดีท่านผู้ประกอบการเอสเอ็มอีจำต้องรู้ถึงกฎหมายเกี่ยวกับการขายบ้างเพื่อจะได้บรรเทาความเสียหายได้ทันท่วงทีหากเกิดความเสียหายกรณีมีการผิดนัดชำระหนี้ขึ้น
อันดับแรกการซื้อขายที่ใคร่อยากจะนำเสนอให้ทำความเข้าใจคือ การซื้อขายสินค้าและให้บริการต่างๆ กฎหมายบัญญัติเรื่องการซื้อขายสินค้าทั่วไปไว้ว่า การซื้อขายสังหาริมทรัพย์ ( ทรัพย์ที่เราสามารถจัดการให้มันเคลื่อนที่ได้) ซึ่งตกลงกันเป็นราคาสองหมื่นบาทหรือกว่านั้น การซื้อขายต้องทำเป็นหนังสือ มีการวางมัดจำ หรือมีการชำระหนี้บางส่วน จึงจะนำคดีเหล่านี้ขึ้นสู้ศาลให้บังคับเอากับผู้ผิดสัญญาได้ หมายความว่าผู้ขายหรือผู้ซื้อก็ดีเมื่อเกิดกรณีเบี้ยวกัน ฝ่ายที่จะไปบังคับอีกฝ่ายต้องมีหนังสือไปแสดงศาล หลักฐานการวางเงินมัดจำ หรือหลักฐานการชำระหนี้บางส่วน หากไม่มีก็ไม่อาจฟ้องร้องบังคับคดีให้อีกฝ่ายปฏิบัติตามสัญญาได้ เอาละเราเช่นนี้แล้วเราจะทำอย่างไรกับการขายของเราบ้าง ขอแนะนำว่าให้ใช้ได้ทุกกรณีไม่ว่าการทำเป็นหนังสือ วางเงินมัดจำ หรือการชำระหนี้บางส่วน แล้วแต่สถานการณ์จะอำนวย แต่เราควรจะวางแบบการขายของเราไว้ให้มั่นคงซักอย่าง เช่น เราต้องมีใบสั่งซื้อเป็นแบบฟอร์มทั่วไปของร้านเราเพื่อให้ทุกคนที่เป็นลูกค้าของเราได้ทราบทั่วกัน เอกสารการสั่งซื้อนี้จึงควรบอกให้คู่ค้าของเรานำเอกสารที่เราสมควรรู้มาแสดงเพื่อประกอบการสั่งซื้อเป็นการมัดมือชก เหมือนเช่นธนาคารพาณิชย์ทั่วไปเขาทำกับเรา ใบส่งสินค้าก็สำคัญถือเป็นหนังสือตามกฎหมายด้วยนำไปแสดงต่อศาลได้ ความเป็นจริงเราควรคำนึงว่าหากมีเอกสารประกอบมากสามารถนำไปเป็นประโยชน์ได้ทั้งสิ้น ส่วนหากมีการวางเงินมัดจำเราในฐานะผู้ขายก็สมควรที่จะออกหลักฐานให้ลูกค้าเช่นกัน
ปัจจุบันนี้การขายมักจะมีเรื่องผิดสัญญากันบ่อยๆทำให้เกิดคดีที่ศาลต่างๆมากมาย เหตุที่เบี้ยวกันส่วนใหญ่แน่นอนมักจะเป็นเรื่องเงิน อย่างว่านะครับเรื่องเงินมันสำคัญอยู่แล้วแต่ไม่ร้ายเท่ากับการที่เราได้เปิดช่องทางให้เขาเบี้ยว เช่น ส่งของแล้วไม่มีผู้เซ็นชื่อรับสินค้า หรือเซ็นชื่ออ่านไม่ได้ความว่าชื่ออะไร ไม่เก็บเอกสารต้นฉบับไว้ส่งให้เขาหมดเลยตอนวางบิลส่งของ หรือกรณีหนังสือเขียนระบุไว้ชัดแจ้งว่าผู้ลงชื่อต้องเป็นผู้มีอำนาจแต่เรายินยอมให้บุคคลอื่นลงชื่อแทนอย่างนี้เขาจะไม่เบี้ยวแล้วเชียวดันเปิดช่องว่างให้เห็นก็สบาย เขาไม่จ่ายเพราะถือว่าไม่เป็นไปตามกฎหมายหรือกฎหมายบังคับให้เขาชำระหนี้ไม่ได้นั้นเอง กฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการขายจึงมีเพียงเท่านี้ขอให้ท่านวางระบบไว้ให้มั่งคงนะครับ
ทนายอำพล รัตนมูสิก