SMEs ไทยหายใจคล่อง สถานการณ์ปรับตัวดีขึ้น


        สถานการณ์ SMEs ไทย เดือน ม.ค.2558 แนวโน้มปรับตัวดีขึ้น ปัจจัยบวกมาจากการบริโภคภาคเอกชน การเบิกจ่ายงบประมาณของภาครัฐ ราคาขายปลีกน้ำมัน ส่วนการส่งออกของ SMEs โดยเฉพาะตลาดหลักสำคัญอย่าง สหรัฐอเมริกา สหภาพยุโรป อาเซียน ยังคงขยายตัว ขณะที่การจดทะเบียนจัดตั้งกิจการใหม่เพิ่มสูงถึงร้อยละ 80 โดยเฉพาะธุรกิจก่อสร้างอาคาร ทำบัญชีและตรวจสอบบัญชี ขายส่งเครื่องจักร ฯลฯ  
 
        ดร.วิมลกานต์ โกสุมาศ รองผู้อำนวยการ รักษาการแทนผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) เปิดเผยว่า ตามที่ สสว. ดำเนินการวิเคราะห์สถานการณ์ SMEs ประจำเดือนมกราคม 2558 พบว่า มีแนวโน้มดีขึ้น เห็นได้จากดัชนีชี้นำภาวะเศรษฐกิจของ SMEs (SMEs Leading Economic Index) ณ เดือน ม.ค. อยู่ที่ระดับ 111.03 เพิ่มขึ้นจากเดือน ธ.ค.2557 ที่ผ่านมา 0.06 จุด และเป็นการขยายตัวติดต่อกันเป็นเดือนที่ 8 ผลจากการขยายตัวเพิ่มขึ้นของตัวแปรชี้นำ ได้แก่ ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ปริมาณผลิตรถยนต์นั่งขนาด 1,501-1,800 CC และปริมาณเงินตามความหมายแคบ ซึ่งสะท้อนถึงการบริโภคภาคเอกชนปรับตัวดีขึ้น นอกจากนี้การเบิกจ่ายงบประมาณของภาครัฐและผลผลิตสินค้าเกษตรขยายตัวเพิ่มขึ้น ราคาขายปลีกน้ำมันลดลง ผลจากราคาน้ำมันในตลาดโลกที่ต่ำและรัฐบาลปรับลดอัตราเงินนำส่งเข้ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง การท่องเที่ยวปรับตัวดีขึ้นโดยมีต่างชาติเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวในประเทศไทยจำนวน 2.65 ล้านคน เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนร้อยละ 15.90 ผนวกกับมาตรการกระตุ้น SMEs ของรัฐบาล เชื่อว่าจะส่งผลให้ช่วง 2-3 เดือนข้างหน้า เศรษฐกิจของ SMEs จะมีทิศทางที่ดีขึ้น
 
       เมื่อพิจารณาในส่วนการค้าระหว่างประเทศของ SMEs พบว่า การส่งออกในเดือน ม.ค. 2558 มีมูลค่า 152,794  ล้านบาท ลดลงเล็กน้อยเมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อน และเดือน ธ.ค. 2557 ที่ผ่านมา ร้อยละ 0.17 และ 1.41 ตลาดหลักที่ SMEs ไทยส่งออกสินค้ามากที่สุด ได้แก่ กลุ่มประเทศอาเซียน มูลค่า 42,801.84 ล้านบาท รองลงมากลุ่มสหภาพยุโรป มูลค่า 16,248.13 ล้านบาท จีน มูลค่า 16,026.12 ล้านบาท ญี่ปุ่น มูลค่า 14,695.04 ล้านบาท และสหรัฐอเมริกา มูลค่า 13,395.58 ล้านบาท ทั้งนี้ ตลาดหลักที่มีการขยายตัวสูงสุดได้แก่ สหรัฐอเมริกา  ขยายตัวถึงร้อยละ 20.45 รองลงมาคือกลุ่มสหภาพยุโรป ขยายตัวร้อยละ 5.90 โดยเฉพาะประเทศสวิตเซอร์แลนด์มีการขยายตัวสูงสุด และกลุ่มประเทศอาเซียน ขยายตัวร้อยละ 2.61 โดยประเทศสิงคโปร์มีการขยายตัวสูงสุด สำหรับสินค้าที่มีการส่งออกสูงสุดในเดือน ม.ค. 2558 ได้แก่ อัญมณีและเครื่องประดับ รองลงมาคือ พลาสติกและของที่ทำด้วยพลาสติก ยานยนต์และส่วนประกอบ เครื่องจักร คอมพิวเตอร์และอุปกรณ์ และอุปกรณ์ไฟฟ้าและส่วนประกอบ
 
         ส่วนการนำเข้าของ SMEs เดือน ม.ค.2558 มีมูลค่า 180,406.64 ล้านบาท หดตัวลงจากเดือนเดียวกันของปีก่อนร้อยละ 7.07 และขยายตัวเพิ่มขึ้นจากเดือน ธ.ค.2557 ร้อยละ 1.72 ตลาดที่ SMEs นำเข้าสินค้าสูงสุด ได้แก่ จีน มูลค่า 58,493.43 ล้านบาท รองลงมา คือ กลุ่มประเทศอาเซียน มูลค่า 25,829.48 ล้านบาท ญี่ปุ่น มูลค่า 24,468.69 ล้านบาท กลุ่มสหภาพยุโรป มูลค่า 20,267.98 ล้านบาท และสหรัฐอเมริกา มูลค่า 10,724.50 ล้านบาท สินค้าที่ SMEs นำเข้าสูงสุด ได้แก่ อุปกรณ์ไฟฟ้าและส่วนประกอบ เครื่องจักร คอมพิวเตอร์และอุปกรณ์ อัญมณีและเครื่องประดับ พลาสติกและของที่ทำด้วยพลาสติก เหล็กและเหล็กกล้า ตามลำดับ
 
         ในด้านการจัดตั้งและยกเลิกกิจการเดือน ม.ค. 2558 พบว่า กิจการที่จดทะเบียนจัดตั้งใหม่มีจำนวน 5,980 ราย ขยายตัวเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อน และเดือน ธ.ค.2557 ที่ผ่านมา ร้อยละ 12.46 และร้อยละ 80.06 ตามลำดับ โดยกิจการที่จัดตั้งใหม่มีทุนจดทะเบียนมูลค่า 18,620  ล้านบาท ประเภทกิจการที่จัดตั้งใหม่สูงสุดในเดือน ม.ค. ได้แก่ ก่อสร้างอาคารที่ไม่ใช่ที่พักอาศัย การทำบัญชีและตรวจสอบบัญชี ขายส่งเครื่องจักร อสังหาริมทรัพย์เพื่อพักอาศัย และการติดตั้งไฟฟ้า ตามลำดับ
 
        ส่วนการจดทะเบียนยกเลิกกิจการในเดือน ม.ค. 2558 มีจำนวน 1,380 ราย หดตัวลงเมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อน และเดือน ธ.ค.2557 ที่ผ่านมา ร้อยละ 2.82 และ 72.62 ตามลำดับ โดยทุนจดทะเบียนของกิจการที่ยกเลิกมีมูลค่า 3,931 ล้านบาท ประเภทกิจการที่ยกเลิกมากที่สุดในเดือน ม.ค. ได้แก่ ขายสลากกินแบ่ง ก่อสร้างอาคารที่ไม่ใช่ที่พักอาศัย อสังหาริมทรัพย์ไม่ใช่เพื่อพักอาศัย การให้คำปรึกษาด้านการจัดการ และภัตตาคาร/ร้านอาหาร ตามลำดับ