ในตอนนี้อากาศเมืองไทยร้อนอบอ้าวขึ้นเรื่อย ๆ จนทำให้หลายคนต้องการทานของเย็น ๆเพื่อดับอุณหภูมิความร้อนในร่างกาย ฉะนั้นจึงขอแนะนำร้านไอศกรีมรสชาติแปลกใหม่ ในชื่อเมนูที่ไม่ซ้ำใคร อย่างร้าน “Gelato 44 C” ไอเดียเด็กรุ่นใหม่ที่ต้องการทำไอศกรีมตามรสชาติที่ตนเองชอบ โดยเน้นเครื่องจัดเต็มตรงตามความต้องการฤดูกาล
ธุรกิจร้าน Gelato 44 C ถูกตั้งขึ้นโดยสองหุ้นส่วน “ภัทรภร คมโนภาส” หรือ คุณอุ๊ และ “นริศรา จิรกรกิตตินันท์” หรือ คุณบี ได้บอกถึงคอนเสปร้าน Gelato 44 C ว่าเป็นอุณหภูมิความร้อนที่ทำให้คนถึงตายได้ ซึ่งทั้งสองได้นำมาเปรียบเปรยกับรสชาติไอศกรีม Gelato 44 C ของตนว่า ถ้าหากใครได้ลิ้มลองไอศครีมนี้ก็อาจตายได้เช่นกัน เพราะรสชาติไอศกรีมที่กลมกล่อม อร่อยถูกปากทุกเพศทุกวัยนั่นเอง สำหรับที่มาของธุรกิจนี้เกิดจากคุณอุ๊ ที่ชื่นชอบการรับประทานไอศกรีมมาตั้งแต่เด็ก ๆ และรู้สึกว่ารสชาติไอศกรีมแบบเดิม ๆ ยังไม่เร้าใจ จึงต้องการนำรสชาติที่ตนเองชอบมารับประทานคู่กัน และคิดว่าเป็นรสชาติที่ลงตัวหากนำมาผสมรวมกันได้ ดังนั้นจึงตัดสินใจไปเรียนทำไอศกรีมเจลาโต พร้อมเปิดร้านกาแฟที่ จ.ระยอง เป็นการทดลองตลาดในฝีมือการทำไอศกรีมเจลาโตในแบบของตนเอง
ในการทำธุรกิจต้องสร้างความแปลกใหม่ ที่โดดเด่น เพื่อเรียกลูกค้าให้เข้ามาใช้บริการ ดังนั้นคุณอุ๊จึงมีความคิดสร้างความต่างในเรื่องของรสชาติไอศครีม เช่น คริสมาสต์ เป็นการหลอมรวมไอศกรีมรสกีวีกับสตรอเบอรี่เข้าไว้ด้วยกัน, รสนมอาโออ, วนิลามิยาบิ ไอศกรีมรสวนิลาผสมนมฮอกไกโด , รสหญ้าอ่อน มีส่วนผสมของใบเตยและมะพร้าวขูด (รสชาติยอดฮิต) , รสช็อกโกแลตมิ้นต์ และมะม่วงร่องอก เป็นต้น
ซึ่งในนี้ปัจจุบันหน้าร้าน Gelato 44 C ตั้งอยู่ที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิต โดยเมนูที่นำเสนอคือ ไอศกรีมเจลลาโต และเครื่องดื่มที่หาดื่มไม่ได้จากที่ไหน และพบกับความตื่นตาตื่นใจด้วยน้ำแข็งแห้ง พร้อมขวดแก้วขนาดเล็กใส่น้ำหวานสีต่าง ๆ ให้ลูกค้าได้เลือกสรร แต่ในขณะเดียวกันก็มีเครื่องดื่มพื้นฐานอีกด้วย ซึ่งเมนูส่วนใหญ่จะเป็นสูตรที่คิดขึ้นเองทั้งหมด นอกจากนี้ภายในร้านมีที่นั่งประมาณ 80 ที่นั่ง แต่เนื่องจากร้าน Gelato 44 C เปิดในย่านมหาวิทยาลัยลูกค้าหลักจึงเป็นเด็กนักศึกษาเกือบทั้งหมด ดังนั้นในเรื่องสีสันความแปลกใหม่จึงเป็นสิ่งจำเป็นทั้งในเรื่องเมนู และรสชาติที่เรามีกว่า 40 รสชาติ ซึ่งในแต่ละวันจะผลิตออกมาประมาณ 20 รสชาติเท่านั้น เป็นการผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนรสชาติกันไป แต่ยังคงมีรสชาติทั่วไปที่หลายคนคุ้นเคยอยู่ เช่น ช็อคโกแลต สตรอเบอรี่ วนิลา
สำหรับในเรื่องของจุดเด่นไอศกรีมนั้น ส่วนมากจะอยู่ที่เป็นสูตร Low Fat ที่ลูกค้าสามารถรับประทานได้หลายลูกโดยไม่เลี่ยน ไม่หวานจนเกินไป บวกกับมีเนื้อผลไม้แบบจัดเต็ม พร้อมกับขายในราคาสกู๊ปละ 39 บาท หรือลูกค้าที่รับประทานเป็นกลุ่มเพื่อนทางร้านก็จัดเซตไว้ให้มีชื่อเก๋ๆ ให้เรียกขานกัน คือ ‘เซเลบ’ ราคา 279 บาท ได้ 7 สกู๊ป พร้อมทอปปิ้ง 4 อย่าง ส่วนเซต ‘ปาปารัสซี่’ มี 5 สกู๊ป ราคา 209 บาท เลือกทอปปิ้ง 3 อย่าง ส่วนกำลังการผลิตไอศครีมนั้นอยู่ที่ 200 ถาด หรือประมาณ 600 กิโลกรัมต่อวัน
หลังจากที่หลายคนชื่นชอบในรสชาติไอศกรีม และไอเดียตกแต่งร้าน ทำให้มีผู้สนใจต้องการเปิดร้านในลักษณะนี้ และเข้ามาขอแฟรนไชส์มากพอสมควร ทำให้คุณอุ๊กลับมานั่งคิดทบทวนถึงความเป็นไปได้ ศึกษาระบบการบริหารจัดการเพื่อการควบคุมคุณภาพและบริการให้ดีที่สุด ทำให้อนาคตจะมีแผนเปิดแฟรนไชส์อย่างจริงจังในเร็ว ๆ นี้ โดยเงินลงทุนตั้งเอาไว้เบื้องต้นประมาณ 800,000 บาท บนเนื้อที่ 30-40 ตร.ม. พร้อมเพิ่มเมนูไอศกรีมให้มีความหลากหลายมากขึ้น โดยยังคงความแปลกใหม่ไว้เช่นเดิม