5 ประเทศ คู่แข่งส่งออกสำคัญของไทย


           ธุรกิจการส่งออกของไทยในช่วงนี้มีแนวโน้มมีมูลค่าการส่งออกทั้งปีมีโอกาสที่จะหดตัวอย่างต่อเนื่อง และยังมีการแข่งขันที่รุนแรงในตลาดโลก ซึ่งสื่อให้เห็นได้ชัดว่าหลาย ๆ ประเทศได้ก้าวขึ้นมาเป็นคู่แข่งกับไทยในหลาย ๆ สินค้า คู่แข่งของไทยนั้นล้วนทำการส่งออกแบบเชิงรุกและมีเป้าหมายค่อนข้างชัดเจน

          การส่งออกของไทยในช่วง 5 เดือนแรกของปี 2558 มูลค่าการส่งออกมีการหดตัวถึง 4.2% ทางหน่วยงานเศรษฐกิจคาดการณ์ไว้แล้วว่าการส่งออกในปี 2558 จะมีการหดตัวตลอดทั้งปี เนื่องจากเศรษฐกิจโลกยังไม่ฟื้นตัว โดยเฉพาะเศรษฐกิจประเทศคู่ค้าสำคัญ  เมื่อภาวะการแข่งขันรุนแรงขึ้นในตลาดโลกก็ได้ฉุกรั้งการเติบโตของไทยในหลายกลุ่มสินค้า

                เริ่มจากประเทศแรกคือ เวียดนาม ซึ่งได้มีการเปลี่ยนโครงสร้างการส่งออกใหม่ ได้ก้าวขึ้นมาเป็นคู่แข่งสำคัญของไทยแทบทุกกลุ่มสินค้า โดยเฉพาะเครื่องนุ่งห่ม, ผลิตภัณฑ์อิเล็กทรอนิกส์ และเครื่องใช้ไฟฟ้า  มีมูลค่าการส่งออกของเวียดนามในช่วง 6 เดือนแรกของปี 2558  ขยายตัวถึง 9% ทำให้เวียดนามเป็นหนึ่งในไม่กี่ประเทศที่อยู่ในแดนบวกได้ เพราะเวียดนามได้รับการสนับสนุนสำคัญจากบริษัทข้ามชาติที่ย้ายเข้ามาทำการผลิตในเวียดนาม จะเห็นได้จากผู้ประกอบการต่างชาติขยายตัวถึง 20% คิดเป็นสัดส่วน 70% ของมูลค่าการส่งออกในตลาดโลก

                ประเทศที่สองคือ  มาเลเซีย เป็นประเทศที่มีฐานการผลิตสำคัญของอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ หลังจากนั้นรัฐบาลได้ขยายขอบเขตไปสู่อุตสาหกรรมยานยนต์ โดยให้นักลงทุนต่างชาติเข้ามาลงทุนผลิตรถยนต์ขนาดไม่เกิน 1800 cc. และไม่จำเป็นต้องร่วมลงทุนกับผู้ประกอบการท้องถิ่น  เพื่อตั้งเป้าการผลิตและส่งออกรถยนต์ในระบบ Eco-car  รวมไปถึงการผลิต เซมิคอนดักเตอร์ และหลอดภาพLED นอกจากนี้ดูการส่งออกปิโตรเลียมและปิโตรเลียมเคมีให้มีการส่งออกมากขึ้นถึง 30% ของมูลค่าการส่งออกรวม ๆ

               ประเทศที่สามคือ  อินโดนีเซีย ในช่วงของเดือนเมษายนของปี 2558 ทางรัฐบาลได้ให้ผู้ประกอบการมีสัดส่วนในการผลิตส่งออกมากกว่า 30% ของยอดผลิตรวม ในปัจจุบันสัดส่วนการส่งออกเพียง 20% เท่านั้น เพื่อกระตุ้นการเติบโตของภาคการส่งออก ทางรัฐบาลให้ผู้ประกอบการอุตสหกรรมทั้งหลายหันมาผลิตเพื่อการส่งออกให้มากขึ้นกว่าเดิม  ส่วนสินค้าที่ส่งออกหลักของอินโดนีเซียมักจะเป็นกลุ่มวัตถุดิบการเกษตรอย่าง ปาล์มน้ำมัน ยางพารา ถ่านหิน ปิโตรเลียม ฯลฯ

                ประเทศที่สี่คือ  ฟิลิปปินส์ ล่าสุดในช่วง 4 เดือนแรกของปี 2558 มีมูลค่าการส่งออกขยายตัวถึง 6% คิดเป็นสัดส่วนถึง 45% ของมูลค่าการส่งออกรวม หลังจากเมื่อได้มีบริษัทข้ามชาติเข้ามาลงทุนในช่วงที่ผ่านมาจากการส่งออกผลิตภัณฑ์อิเล็กทรอนิกส์

 

                ประเทศที่ห้าคือ  อินเดีย ทางรัฐบาลของประเทศอินเดียได้มีการตั้งนโยบาย Make in India เพื่อที่จะได้ชักจูงให้มาลงทุนจากต่างประเทศ ทำให้อินเดียเป็นฐานการผลิตแห่งใหม่ของโลก จากที่ผ่านมาเน้นแต่อุตสาหกรรมการบริการ รัฐบาลอินเดียได้เล็งเห็นถึงอุตสาหกรรมยานยนต์ที่ได้เข้ามาเปิดโรงงานรถยนต์จากต่างชาติที่เข้ามาลงทุนมากขึ้นอย่าง  Nissan, Hyundai, BMW  และรวมไปถึงอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์อย่าง DELL, Samsung,  Foxcon นอกจากนี้รัฐบาลได้มีการตั้งเป้าไว้ภายในปี 2563 จะมีการเพิ่มมูลค่าการส่งออกเป็น 9 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ และมูลค่าการส่งออกปัจจุบันอยู่ที่ 4.5 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ

 

จากสถานการณ์ดังกล่าวประเทศคู่แข่งที่สำคัญของไทยล้วนมีนโยบายส่งออกเชิงรุกรวมถึงยุทธศาสตร์ในเชิงสินค้ามีการตั้งเป้าหมายที่ชัดเจน เพื่อแสดงจุดยืนของแต่ละประเทศให้มีตำแหน่งของตนในตลาดโลก จากนั้นประเทศไทยได้หันมาปรับยุทธศาสตร์การส่งออกบ้าง  เครื่องมือสำคัญคือให้มีการมุ่งเน้นการยกระดับการผลิตไปสู่อุตสาหกรรมให้มีมูลค่าเพิ่มสูงขึ้นเน้นใช้นวัตกรรมที่เพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันการส่งออกของประเทศไทยให้ยั่งยืน