3 วิธีคิดสำคัญที่คุณควรรู้ก่อนทำธุรกิจให้ประสบความสำเร็จแบบเกาหลี : ดร.พยัต วุฒิรงค์


        ผมขอเริ่มต้นด้วยคำถามว่า คุณทราบหรือไม่ว่า “ทำไม เกาหลี ถึงเป็นประเทศที่มีจำนวนสมาชิกใน Boy Band กับ Girl Group มากมายเหลือเกิน” “ทำไมนักร้องเกาหลีถึงประสบความสำเร็จในเอเชีย และดังไปถึงสหรัฐอเมริกาได้”

          ก่อนจะตอบคำถามได้ เราต้องทำความรู้จักกับ Boy Band และ Girl Group ในเกาหลีก่อน ในวงการเพลงของเกาหลีนั้น สมาชิกในกลุ่ม ไม่ได้หมายถึงสมาชิกแค่ 2 คน 3 คนหรือ 4 คนท่านั้น บางกลุ่มมีสมาชิกเกือบ 10 คน บางกลุ่มมีสมาชิกมากกว่า 10 คน ซึ่งถือเป็นศิลปินนักร้องประเภทกลุ่มที่มีจำนวนคนมากที่สุดกลุ่มหนึ่งของโลก ในขณะที่ส่วนใหญ่ชอบออกเป็นนักร้องเดี่ยวหรือคู่ หรือกลุ่มเล็ก ๆ มากกว่า ผมขอยกตัวอย่างความสำเร็จกลุ่มศิลปินนักร้องชื่อดังของเกาหลีซัก 2 กลุ่ม

         กลุ่มแรกคือ Super Junior ซึ่งเป็นการรวมตัวของวัยรุ่นหนุ่ม หน้าตาดี มีฝีมือด้านการร้อง การเต้นจำนวน 13 คน โดยบริษัทชื่อ SM Entertainment เริ่มเปิดตัวในปี 2548 พร้อมกับเน้นว่า Boy Band กลุ่มนี้จะเป็น ”ประตูสู่ความเป็นดาวแห่งเอเชีย” หลังจากเปิดตัวได้ไม่นาน เด็กวัยรุ่นกลุ่มนี้ก็ประสบความสำเร็จในเกาหลีอย่างถล่มทลาย และความดังยังขยายไปถึงประเทศต่าง ๆ ในเอเชีย ตั้งแต่ญี่ปุ่น เวียดนาม ไทย และเริ่มก้าวสู่ตลาดเพลงในสหรัฐอเมริกา เรียกได้ว่า ประสบความสำเร็จอย่างมากในธุรกิจเพลงของเกาหลีและของเอเชีย

          เมื่อพูดถึง Boy Band แล้ว ก็คงต้องพูดถึง Girl Group ชื่อดังแห่งเกาหลีที่โด่งดังไม่แพ้กัน Girls’ Generation ซึ่งเป็นการรวมตัวของไอดอลหญิงจำนวน 9 คน โดยบริษัทชื่อ SM Entertainment เช่นเดียวกัน กลุ่มนี้เริ่มเปิดตัวสู่สายตาของชาวโลกในปี 2550 หลังจากนั้นไม่นาน วงนี้ก็ประสบความสำเร็จและมีเพลงขึ้นอันดับหนึ่งของเกาหลีหลายเพลงเช่น Gee และมีการขยายความดังไปยังอีกหลายประเทศในเอเชีย ตั้งแต่ ญี่ปุ่น ไต้หวัน สิงคโปร์ ฮ่องกง ไทย และก้าวไปไกลถึงสหรัฐอเมริกาเช่นเดียวกับวงของหนุ่ม ๆ

ความสำเร็จของเกาหลีไม่ได้เกิดจากโชคช่วย หรือฟ้าประทาน แต่ความสำเร็จเกิดจาก 3 วิธีคิดสำคัญคือ

 

1. ตั้งเป้าให้ไกลและไปให้ถึง

           ผมชอบโฆษณาชิ้นหนึ่งมานานมากแล้ว เค้าบอกว่า “ตีลูก (กอล์ฟ) ให้ถึงดวงจันทร์ ถึงพลาดก็อยู่ท่ามกลางดวงดาว” ผมไม่ได้เล่นกอล์ฟ แต่ผมชอบวิธีคิดนี้จริงๆ บทเรียนจากคนที่ประสบความสำเร็จส่วนใหญ่บอกไว้ว่า “เราต้องตั้งเป้าให้ใหญ่ ให้ไกล และใช้ความพยายามทั้งหมดที่มีไปให้ถึงมัน” เพราะถ้าเราตั้งเป้าหมายว่า “เอาแค่นี้ก่อนนะ” วิธีการคิดและวิธีการทำงานเราจะทำแบบ “ทำแค่นี้ก่อนนะ” เหมือนกัน  เช่นเดียวกับวิธีคิดในการทำธุรกิจของเกาหลีในปัจจุบัน เค้าไม่เคยคิดว่า “เอาแค่นี้ก่อนนะ” เค้าจะคิดเสมอว่า “เค้าต้องเป็นที่หนึ่งในโลกหรือในเอเชีย” ให้ได้ สิ่งที่เค้าตั้งเป้าหมาย ทำให้เค้าต้องหาทุกวิถีทางที่ถูกต้อง ไปให้ถึง

Super Junior เป็นประตู่สู่ความเป็นดาวแห่งเอเชีย นี่คือจุดเริ่มต้นแห่งการคิดเพื่อความเป็นหนึ่ง เมื่อคุณเริ่มคิดแบบนั้น สิ่งที่ตามมาคือ คุณจะสนุกและต้องหาวิธีที่หลากหลายมากขึ้นเพื่อบรรลุเป้าหมาย ซึ่งคงดีกว่าการตั้งเป้าหมายว่า Super Junior ประตู่สู่ความเป็นดาวแห่งเกาหลีใต้ ที่บ่งบอกถึงความไม่ยาก และไม่ไกลเกินเอื้อม แต่มันก็ไม่ได้ท้าทายความสามารถเท่าไหร่นัก

 

2. สร้างทางเลือกเพื่อความแตกต่างอย่างสร้างสรรค์

           ผมเชื่อว่า คนเกาหลีไม่ได้เก่งกว่าคนไทย นักร้องเกาหลีก็ไม่ได้เก่งกว่านักร้องไทยในอดีต สาธารณรัฐเกาหลีไม่ใช่ประเทศที่มีชื่อเสียงด้านเพลงมากนัก ถ้าเทียบกับนักร้องฝั่งอเมริกา อังกฤษ หรือแม้กระทั่งเพื่อนบ้านของเกาหลีอย่างญี่ปุ่น ที่โด่งดังมานานแล้วเกาหลีเข้ามาในธุรกิจเพลงเมื่อไม่นานมานี้ แต่ต้องการประสบความสำเร็จให้เร็วและแรง ดังนั้นจึงไม่มีทางเลือก นอกจาก ต้องหาสิ่งที่ดีที่สุดและแตกต่างที่สุด จึงจะก้าวขึ้นมาประสบความสำเร็จอย่างรวดเร็วได้ ดังนั้น เกาหลีจึงเลือกให้มีนักร้องจำนวนมากในกลุ่ม เพื่อให้ผู้ชมได้ชื่นชมคนที่ใช่ ในบุคลิกที่ชอบ

วิธีการนี้เราเริ่มได้เห็นในละครไทยแล้ว คือ การรวมดาราแม่เหล็กไว้ในเรื่องเดียวกัน หรือเป็นซีรีส์ประเภทเป็นพี่เป็นน้องกัน แล้วแยกทำเป็นตอน ๆ  วัตถุประสงค์คือ เพื่อทำให้ผู้ชมเลือกคนที่ชอบ และคอยติดตาม เพราะคนมีความต้องการที่หลากหลาย การสร้างทางเลือกเป็นอีกวิธีหนึ่งในการทำธุรกิจให้ประสบความสำเร็จ และสามารถดึงดูดลูกค้าให้อยู่กับธุรกิจเรานานๆ

ถามว่า “คุ้มมั้ย” ที่ต้องลงทุนกับคนเยอะขนาดนี้ ต้องบอกว่าอาจไม่คุ้ม แต่ถ้าคุณไปคนเดียวไม่ได้ คุณก็ต้องไปเป็นทีม “เวลาที่คุณยิงธนู ถ้าเป้ามีมากกว่า 1 โอกาสที่คุณจะยิงเป้าให้ถูกก็ง่าย แต่ถ้ามีเป้าเพียงอันเดียว ถ้าโชคดีก็ยิงถูก ถ้าโชคร้ายหรือฝีมือไม่ดีก็อาจพลาดเป้าได้” เช่นเดียวกันครับ แนวคิดของเกาหลีในการสร้างความสำเร็จอย่างก้าวกระโดดและใช้เวลาอันสั้นคือ การระดมสิ่งที่ดีที่สุด และสร้างทางเลือกให้เกิดขึ้น เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าที่มีความหลากหลาย และจะหลากหลายมากขึ้นเรื่อยๆ ในอนาคต

 

3. เริ่มต้นที่ความแตกต่าง แต่จบลงด้วยคุณภาพ

            ความแตกต่างจะทำให้คนหันมามอง และเริ่มพูดถึง แต่  คุณภาพจะทำให้คนติดตามไปตราบนานเท่านาน ความสำเร็จของนักร้องเกาหลี “เริ่มต้นที่ความแตกต่างแต่จบลงด้วยคุณภาพ”  คุณคิดว่า การทำงานคนเดียว หรือการทำงานเป็นทีมง่ายกว่าครับ ตอบแบบไม่ต้องคิดเลย ทำงานคนเดียวสิ ชั้นจะร้องจะเต้น จะทำอะไรก็ได้ ไม่ต้องมองใคร การที่เกาหลีกล้าที่จะออกนักร้องกลุ่มจำนวนมากนั้นเพราะต้องการประสบความสำเร็จให้เร็ว และต้องการสร้างความแตกต่าง แต่สิ่งที่ตามมาคือ การฝึกฝนอย่างหนัก หนัก และหนักมาก ทั้งเรื่องการร้อง การเต้น ทำคนเดียวยังไม่เท่าไหร่ แต่ต้องทำพร้อมๆ กัน 13 คน ไม่ธรรมดาครับ ดังนั้น ต้องฝึกฝนกันเป็นหลายร้อยชั่วโมง และนี่คือ มาตรฐานเกาหลี ที่มาพร้อมกับความสำเร็จ ที่ไม่ใช่เพราะโชคช่วย แต่มันคือ ฝีมือ ฝึกฝน และฝึกฝืน 

แนวคิดการทำธุรกิจของเกาหลีไม่ได้เกิดขึ้นแค่ในธุรกิจเพลงเท่านั้น แต่ยังเกิดกับธุรกิจอื่นๆ “ซัมซุง” ก็มีแนวคิดเช่นเดียวกัน ต้องมอบสิ่งที่แตกต่างที่สุดและมีคุณภาพที่สุด ให้ลูกค้า เพียงเพราะคำว่า  “เราไม่ใช่ผู้นำ เราเริ่มจากผู้ตาม” ผู้ตามประเภทที่เกิดหลังจากผู้นำหลายปี

ดังนั้น ถ้าคุณไม่ดีกว่า ไม่แตกต่างกว่า ใครจะซื้อของของคุณ ตอนนี้คงได้คำตอบแล้วนะครับว่า “ทำไม” และ “ทำไม” ถ้าให้สรุปคำตอบให้สั้นๆ ง่ายๆ คือ เกาหลีพยายามสร้าง เป้าหมาย(ที่ไกล) ทางเลือก(ที่หลากหลาย) และคุณภาพ(ที่ดี) ฟังดูง่ายๆ แต่ทำยากเหลือเกิน ปกติเราจะตกม้าตายตั้งแต่ตอนตั้งเป้าหมายแล้วครับ ส่วนใหญ่จะเป็น “ตั้งเป้าให้ไกลแต่ไปไม่ถึง” หรือ “ตั้งเป้าให้ใกล้เพื่อไปให้ถึง” ณ เวลานี้ เราต้องคิดต่อว่า “เราจะทำอย่างไรกับธุรกิจของเราในโลกที่โหดร้ายขึ้นเรื่อยๆ” สิ่งที่เกาหลีทำอาจไม่ได้ดีทั้งหมด แต่เป็นสิ่งที่เราสามารถเรียนรู้และเลือกหยิบจุดที่ดีมาใช้ จุดที่ไม่ดีมาปรับปรุงได้

        ผมไม่ใช่สาวกเกาหลีหรือที่เด็กสมัยนี้เค้าเรียกว่า “ติ่ง” เกาหลี แต่เห็นวิธีคิดและวิธีทำของเค้าแล้วต้องบอกว่า อึ้ง ทึ่ง เสียว จริงๆ   ข้าน้อยขอคารวะด้วยความจริงใจ…สวัสดี