ชวนเยือนถิ่นอารยธรรมทวารวดี อำเภอศรีมโหสถ ชมโพธิ์ใหญ่อายุเก่าแก่


    ชวนเยือนถิ่นอารยธรรมทวารวดี อำเภอศรีมโหสถ  ศึกษาประวัติศาสตร์อารยธรรมโบราณที่มีร่องรอยให้สืบค้นย้อนหลังไปกว่า 1,500 ปี
บ้านเมืองเต็มไปด้วยกลิ่นอายของอารยธรรมโบราณที่ยังคงมนต์ขลังให้ผู้มาเยือนได้สัมผัสถึงปริศนาอันน่าพิศวงของเรื่องราวจากอดีตอันไกลโพ้น
ต้นโพธิ์ศรีมหาโพธิ 
     ต้นโพธิ์ใหญ่อายุเก่าเแก่แผ่กิ่งก้านสาขาให้ความร่มเย็นเป็นที่พึ่งทางใจให้ผู้คนมาช้านาน ถือเป็นสัญลักษณ์อย่างหนึ่งของจังหวัดปราจีนบุรี  ต้นศรีมหาโพธิ์ปลูกไว้ที่ ต.โคกปีบ เชื่อกันว่าเป็นต้นแรกของสยาม เป็นหน่อเนื้อเชื้อไขของต้นโพธิ์ที่พระพุทธเจ้าตรัสรู้   จากหลักฐานทางโบราณคดีจำนวนมากทำให้รู้ว่าในอดีตพื้นที่แถบนี้เป็นเมืองโบราณขนาดใหญ่ที่มีความสำคัญมากเมืองหนึ่งก็คือ เมืองศรีมโหสถ เป็นเมืองที่มีพัฒนาการมาตั้งแต่ก่อนพุทธศตวรรษที่ 11 เป็นเมืองท่าชายทะเลที่มีการติดต่อค้าขายแลกเปลี่ยนสินค้าทั้งกับจีนและอินเดีย ได้รับอิทธิพลจากวัฒนธรรมฟูนัน มีสมณฑูตจากอินเดียมาเผยแผ่พระศาสนา
      ตามตำนานกล่าวว่าเมื่อราว พ.ศ.500 พระเจ้าทวานัมปะยะดิษฐ์ ผู้ครองเมืองศรีมโหสถทรงเลื่อมใสในพุทธศาสนา จึงได้ส่งคณะฑูตเดินทางไปขอกิ่งต้นโพธิ์จากพระศรีมหาโพธิ์พุทธคยา ประเทศอินเดีย ซึ่งเป็นต้นโพธิ์ที่พระพุทธเจ้าทรงประทับบำเพ็ญธรรมจนสำเร็จตรัสรู้เป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า จากเจ้าผู้ครองนครปาตะลีบุตร ประเทศอินเดีย แล้วนำกิ่งโพธิ์นั้นมาปลูกที่วัดต้นโพธิ์ศรีมหาโพธิ
      ปัจจุบันต้นโพธิ์ต้นนี้มีขนาดเส้นรอบวงของลำต้น 20 เมตร สูง 30 เมตร บริเวณใต้ต้นโพธิ์ประดิษฐานพระพุทธรูปเป็นพระประธานและด้านทิศ
ตะวันออกมีต้นโพธิ์อีกหลายต้นซึ่งเป็นหน่อเดียวกันกับต้นศรีมหาโพธิ์ต้นใหญ่  เนื่องด้วยต้นศรีมหาโพธิ์ เป็นสถานที่สำคัญทางพระพุทธศาสนา ทุกปีชาวศรีมโหสถและจังหวัดปราจีนบุรีจะจัดงานนมัสการต้นโพธิ์ งานประเพณีการทำบุญบั้งไฟ จัดขึ้นที่วัดต้นโพธิ์ศรีมหาโพธิ ในวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 6 ภายในงานจะมีมโหรสพสมโภชน์ ชาวบ้านจะมีการจุดบั้งไฟถวาย มีการประกวดจุดบั้งไฟที่ขึ้นนานที่สุด มีการรำเซิ้งบั้งไฟเพื่อขอฝน และการประกวดขบวนรำเซิ้ง
       วัดต้นโพธิ์ศรีมหาโพธิ ตั้งอยู่ที่ ต.โคกปีบ เปิดให้เข้าชมตั้งแต่เช้าจนเย็นทุกวัน สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ โทร.03727 6117, 03727 6114 หรือ
03731 2282
 
โบราณสถานสระมรกต 
 
 
      กลุ่มโบราณสถานสระมรกต ตั้งชื่อตามสระน้ำโบราณขนาดใหญ่ ที่ชาวบ้านเรียกว่าเป็นโบราณสถานที่สร้างซ้อนทับกันหลายสมัย เริ่มตั้งแต่ก่อนพุทธศตวรรษที่ 14 เป็นต้นมาจนถึงพุทธศตวรรษที่ 18 ประกอบด้วยสิ่งก่อสร้างศิลาแลงและอิฐ ส่วนใหญ่คงเหลือเฉพาะรากฐานอาคารเท่านั้น ระหว่างการขุดแต่งโบราณคดีได้ค้นพบรอบพระพุทธบาทคู่สลักอยู่บนศิลาแลง  ที่ฝ่าพระบาทสลักรูปธรรมจักรนูนทั้งสองข้าง นับเป็นรอยพระพุทธบาทที่ใหญ่และเก่าแก่ที่สุดในประเทศไทย รอยพระพุทธบาทคู่อายุราวพุทธศตวรรษที่ 11-13 และพบกลุ่มอาคารพุทธศาสนามหายาน มีแผนผังแบบเดียวกับอโรคยาศาลา หรือโรงพยาบาลโบราณในสมัยพระเจ้าชัยวรมันที่ 7
     ภายในเมืองโบราณสระมรกตมีอาคารศรีมโหสถ ศูนย์นิทรรศการขนาดย่อมที่จัดแสดงเรื่องราวความเป็นมาของเมืองโบราณในบริเวณนี้ เช่น โบราณสถานสระมรกตและโบราณสถานศรีมโหสถ เป็นต้น นอกจากนี้ยังมีการจัดแสดงวัตถุโบราณที่ขุดค้นได้อีกหลายชั้น  ด้านหลังอาหารศรีมโหสถมีสระมรกต เป็นบึงน้ำสมัยโบราณขนาดใหญ่ที่เรียกว่า “บาราย” เป็นสระรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า กว้างประมาณ 115 เมตร ยาว 214 เมตร ลึก 3.50 เมตร มีพื้นที่ประมาณ 25 ไร่ สันนิษฐานว่าสพระโบราณนี้ขุดขึ้นมาเพื่อใช้เป็นแหล่งน้ำอุปโภคบริโภคและเพื่อนำศิลาแลงจากใต้ดินไปใช้ในการก่อสร้างศาสนสถาน ผิวน้ำของสระมรกตถูกปกคลุมไปด้วยพืชพรรณไม้น้ำและดอกบัวจำนวนมาก สระมรกตขึ้นชื่อในเรื่องความงดงามในยามเช้า แสงแดดอ่อนและดอกบัวที่กำลังบานรับแสงอาทิตย์ สวยงามสร้างความประทับใจให้กับผู้พบเห็นมานักต่อนัก
     ทุกปีจะมีงานเทศกาลมาฆปูรมีศรีปราจีน ซึ่งตรงกับวันมาฆบูชา งานเทศกาลนี้จัดขึ้นที่วัดสระมรกตเป็นระยะเวลา 3 วัน มีการแสดงแสงสีเสียง การแสดงโขน ตลาดย้อนยุค และมีกิจกรรมเวียนเทียนรอบรอยพระพุทธบาทคู่
      เมื่อมาศรีมโหสถอย่าลืมแวะนมัสการหลวงพ่อมวารวดี และชมความงามเจดีย์วัดโคกมอญ  ที่สำคัญแวะซื้อหมวกจักสานใบงามบ้านหนองสะแก  หมี่กรอบทรงเครื่องกลุ่มแม่บ้านวิสาหกิจชุมชนไผ่ชะเลือด  ผลิตภัณฑ์เครื่องหนังศรีมโหสถ กระเป๋าแฟชั่นพลาสติ ติดไม้ติดมือเป็นของฝากด้วยนะจ้ะ
 
ขอบคุณรูปจาก http://p.isanook.com/