เศรษฐกิจบ้านเราและเศรษฐกิจโลกช่วงนี้ไม่ต้องทำอะไรก็จะแย่กันอยู่แล้ว พ่อค้าแม่ขายบ่นกันอุบว่าจะอยู่กันต่อไปอย่างไร ยิ่งมีระเบิดตูมตามขึ้นมาแถวแยกราชประสงค์ ศูนย์กลางเศรษฐกิจของเมืองไทยเข้าไปอีก ถ้าไม่ระส่ำระสายบ้างเลยก็คงจะดูผิดปกติแน่ ๆ ท่านนายกรัฐมนตรี (พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา) จึงต้องรับบทหนักขึ้นกว่าเดิม แค่เรื่องความมั่นคงและการเมืองก็หนักหนาสาหัสพอสมควรอยู่แล้ว ผมว่าคนไทยจำนวนไม่น้อยก็ให้กำลังใจท่านเพราะไหน ๆ ก็ขี่ม้าขาวเข้ามาแล้วหากไม่มีอะไรดีขึ้นก็คงจะต้องโดนสวดอ่วมแน่ ๆ เศรษฐกิจของไทยกำลังได้แม่ทัพคนใหม่คือท่านรองนายกรัฐมนตรี (สมคิด จาตุศรีพิทักษ์) แนวความคิดกระจายเศรษฐกิจให้ผู้คนรากหญ้าเข้าถึงแหล่งทุนได้ง่ายขึ้น จึงผุดขึ้นมาอีกครั้งหนึ่ง เพื่อให้เกิดการหมุนเวียนทางด้านการเงิน การค้าการขายจะได้ตื่นตัวขึ้นมาอีกครั้งหนึ่ง สินค้า OTOP จะได้รับแรงเสริมทางด้านการเงินจากธนาคารของรัฐมาทำให้เฟื่องฟู รวมทั้งหวังว่าจะก่อให้เกิดความคิดอ่านแบบสร้างสรรค์ (Creative) ก้าวเข้าสู่ความเป็นสากล (Universal) และส่งเสริมให้เกิดความเป็นผู้ประกอบการ (Entrepreneurship) มากยิ่งขึ้น รวมทั้งภาครัฐก็ต้องดำเนินการเพื่อให้เกิดการส่งเสริมและสนับสนุนภาคเอกชนด้วย
เมื่อสถานการณ์เป็นเช่นนี้ ท่านผู้นำทั้งหลายจึงควรจะต้องทำความเข้าใจกับความเปลี่ยนแปลงและความเป็นไปทั้งระดับประเทศและระดับโลก การค้าการขายการตลาดจึงจะทำแบบเดิม ๆ ไม่ได้แล้ว ควรจะต้องมีการศึกษา การวิจัย การพัฒนา และการยอมรับต่อเหตุการณ์ต่าง ๆ ดังกล่าว Philip Kotler นักการตลาดระดับโลกได้ฝากข้อคิดให้ผู้ที่จะทำการค้าขายไว้ว่ามีสิ่งที่จะต้องคำนึงถึง 5 ประการด้วยกัน เรียกย่อ ๆ ว่า “5 C” ดังนี้ คือ
· Citizen สินค้าและบริการที่จะจำหน่ายหรือให้บริการกันนั้นจะมัวมาคำนึงถึงเฉพาะขายให้คนไทยเท่านั้นไม่ได้แล้ว แต่ควรจะต้องคำนึงถึง “พลโลก” หรือ “พลเมืองอาเซียน” ฯลฯ เพราะหากเราคำนึงถึงแต่ลูกค้าคนไทย เราจะมีขอบเขตจำกัดของการค้าการขายและการทำการตลาด ดังนั้นการทำความเข้าใจในความเปลี่ยนแปลงนี้จะทำให้เราทราบได้ว่าโลกใบนี้มีการเคลื่อนย้ายคน เคลื่อนย้ายเงินตรา และเคลื่อนย้ายแรงงานอยู่ตลอดเวลา การเข้าใจในภาษาและวัฒนธรรมของ “พลโลก” จึงเป็นสิ่งที่จะช่วยเสริมให้เกิดการผลิตสินค้าและบริการใหม่ ๆ เพื่อตอบสนองต่อลูกค้าทั้งโลก อัตราการขยายตัวทางการค้าก็จะได้เพิ่มขึ้นเป็นเงาตามตัว เช่นเข้าใจในภาษาและวัฒนธรรมของประเทศจีนอย่างเดียวก็ขายสินค้าและบริการได้มากมายมหาศาลเป็นหลายพันล้านคนแล้ว
· Community ปัจจุบันมีการรวมตัวของกลุ่มประเทศต่างๆ ทั่วโลก ไม่ว่าจะเป็น ASEAN AFTA ANFTA EU OPEC เป็นต้น ทั้งนี้เพื่อให้กลุ่มประเทศเหล่านั้นมีความสามารถและเข็มแข็งในการเจรจาต่อรองทางการค้า ผู้นำที่มีความเป็นนักการตลาดในตัวด้วยจึงต้องตระหนักในเรื่องเหล่านี้มากกว่าในอดีตที่ผ่านมา และเรื่องทำนองนี้แม้ในระดับประเทศหรือระดับท้องถิ่นก็ยังมีการรวมกลุ่มเป็นชุมชน เป็นสหภาพ สหกรณ์ ฯลฯ ทั้งนี้เพื่อการค้าการขายและการเจรจาต่อรองในหลาย ๆ เรื่องเช่นเดียวกัน
· City ผู้นำที่เป็นนักการตลาดที่ดีด้วยนั้นย่อมจะต้องเข้าใจให้ถ่องแท้ว่าความเป็นสังคมเมืองที่มีการอยู่อาศัยแบบแนวตั้ง (คอนโดมิเนียม) มากกว่าแบบแนวนอนในอดีตเพราะปัจจุบันที่ดินราคาแพงมากและมีพื้นที่จำกัด วิถีชีวิตผู้คนในเมืองจึงเต็มไปด้วยความหวาดระแวง ปัญหาอาชญากรรมเพิ่มขึ้น มีรถติดตั้งแต่เช้ายันค่ำ ร้านโชห่วยล้มระเนระนาด ห้างสรรพสินค้า Big C Lotus และห้างต่าง ๆ เต็มไปหมด คนเมืองก็ดูจะมีความสุขและชอบที่จะหาความสำราญกับความสะดวกสบายเหล่านี้ด้วย เราจะทำการตลาดกับสังคมเมืองในลักษณะเช่นนี้อย่างไร?
· Country ความเป็นสังคมชนบทนั้นเรียบง่าย เป็นกันเอง ผู้คนรู้จักมักคุ้นกัน แต่ในปัจจุบันมีสภาพแบบสังคมเมืองได้รุกล้ำเข้ามาในสังคมชนบทแล้ว จนยากที่จะแยกแยะได้อย่างชัดเจนเพราะปัจจุบันในต่างจังหวัดก็มีคอนโดมิเนียม มีรถติด มีห้างสรรพสินค้าดาษดื่นเช่นเดียวกัน แต่อย่างไรก็ตามวิถีชีวิตและรายได้ของผู้คนในชนบทก็ตามไม่ทันกับความเปลี่ยนแปลงที่มีสภาพแบบสังคมเมืองผสมผสานอยู่ดัวย เราจะทำการตลาดกับสังคมชนบทในลักษณะเช่นนี้อย่างไร?
· Collaboration ดังนั้นการหลอมรวมความเข้าใจของ 4C ข้างต้นแล้วนำมาพินิจพิจารณาถึงความเป็นไปได้ในการที่ผู้นำจะดำเนินการทางการตลาดโดยเฉพาะในสภาวะเศรษฐกิจตกต่ำเช่นนี้จึงเป็นสิ่งที่ทั้งภาครัฐและภาคเอกชนจะต้องร่วมมือกันเพื่อให้บรรลุเป้าหมายตามนโยบายที่แต่ละองค์กรตั้งไว้ก็นำมาสู่คำถามที่ว่าแล้วเราจะทำการตลาดกับสังคมไทยและสังคมโลกที่เปลี่ยนแปลงไปในลักษณะเช่นนี้อย่างไร?
ที่ผมพยายามนำแนวคิดด้านการตลาดของ Phillys Kotler มานำเสนอนี้ก็เพราะโลกเปลี่ยนหากเราไม่ปรับตัว เราก็จะอยู่ยากขึ้น นักการตลาดในอดีตอาจคิดเพียงแค่ 4P (Product Price Place และ Promotion) อาจจะเพียงพอในยุคนั้น แต่ปัจจุบันโดยเฉพาะอย่างยิ่งภาวะทางเศรษฐกิจ สังคม และการเมืองที่เป็นอยู่ในบ้านเราขณะนี้ การตระหนักรู้ ส่งเสริมความคิดสร้างสรรค์ การเข้าใจที่จะนำพาสิ่งที่นำไปสู่ความเป็นสากลและความเข้าใจในการทำงานอย่างมืออาชีพในฐานะผู้ประกอบการจัดเป็นสิ่งที่ผู้นำทั้งหลายไม่อาจหลีกเลียงได้ ลองถามใจท่านดูซิครับว่าเมื่อเศรษฐกิจตกต่ำเช่นนี้ ท่านควรจะเป็นผู้นำเช่นไร?