รู้จัก “ฉลากเขียว” เครื่องหมายช่วยสะท้อนความยั่งยืนของแบรนด์ต่อสิ่งแวดล้อม
ฉลากเขียวของประเทศไทย ริเริ่มขึ้นโดยองค์กรธุรกิจเพื่อการพัฒนาอย่างยั่งยืน (Thailand Business Council for Sustainable Development, TBCSD)
1.เตรียมตัวให้พร้อม
นักขายที่จะเป็นนักพูดที่ดีได้ต้องเตรียมตัวให้พร้อมในสิ่งต่างๆ เช่น
-รู้เรื่องรายละเอียดของเนื้อหาที่จะพูด
-ศึกษาขั้นตอนต่างๆในการขายและเริ่มต้นจากการสรรหาลูกค้า การคัดเลือกและการเตรียมตัวก่อนการขาย
2.สร้างความเชื่อมั่นให้กับตัวเอง
คือไม่มีอาการสั่นงันงกเป็นเจ้าเข้าหรืออาการประหม่ามือไม้สั่นจนพูดผิดพูดถูก การลดความประหม่าจะทำอย่างไร
-ศึกษาสินค้าและบริการให้เข้าใจและเชื่อมั่นในตัวสินค้าก่อน
-ฝึกทบทวนความรู้ ความเข้าใจและฝึกพูดจากบทเขียนของตนเอง
-ก่อนพูดก็ล้างหน้าตาให้สะอาดพร้อมกับสูดลมหายในลึกๆ
-บอกกับตัวเองว่า ”วันนี้ฉันสู้ตาย”
-พูดเสียงดังๆรวบรวมสติกำลังใจให้ดี
-ยืนเต็มสองฝ่าเท้าจะช่วยให้มั่นในและมั่นคงเต็มที่
3.แต่งกายให้สะอาดเหมาะสม
การแต่งกายให้สะอาด เรียบร้อย เหมาะสม ทรงผมอย่าให้ยุ่งใบหน้าอย่ามัน แต่งตัวตามสมัยนิยม ใช้เสื้อผ้าที่เหมาะสมตามกาลสมัย เล็บมือสะอาดหมดจด
4.พูดอย่างกระตือรือร้น
อย่าพูดเฉื่อยขาเหมือนคนเพิ่มตื่นนอน การพูดๆอย่างกระตือรือร้น ชัดถ้อยชัดคำ พูดเต็มเสียงและให้ผู้ฟังทุกคนได้ยินอย่างทั่วถึง ไม่ใช่พูดไปแล้วให้ลูกค้าตะแคงหูฟังอยู่เสมอเพราะเสียงเบาเกินไป
5.ใช้ศิลปะการแสดงประกอบการพูด
การพูดที่โน้มน้าวจิตใจผู้ฟังหรือลูกค้าได้ดีนั้น นักขายจะต้องใช้ศิลปะการแสดง ได้แก่ กิริยาท่าทาง อุปกรณ์ เครื่องมือ ตัวอย่างสินค้า การอธิบายการสาธิตประกอบกับการพูด ซึ่งสิ่งเหล่านี้เรียกว่าเป็นศิลปะการขาย
ข้อสำคัญคือ อย่าให้เกินไปคือ การลุกลี้ลุกลน สับสน พูดหรือทำกลับไปกลับมา หรือใช้คำซ้ำบ่อยๆจนน่ารำคาญ
6.จงสบสายตาผู้ฟัง
การสบสายตาผู้ฟังแสดงถึงความจริงใจ การแสดงความรู้สึกที่ดีต่อลูกค้า ความเป็นกันเองกับลูกค้า นอกจากนี้การสบตาผู้ฟังยังสามารถให้เราค้นหาสัญญาณซื้อได้อย่างง่ายขึ้นการใช้สายตายังไม่แสดงถึงความเป็นมิตรอีกด้วย ข้อสำคัญคืออย่าถือตัวและอย่าเล่นตัวจนเกินไป เมื่อลูกค้าพูดเล่นทำเป็นไม่พอใจแสดงออกทางสีหน้าได้ชัดเจน ขอให้มั่นคงไว้ แล้วจะได้ผลงานการขายที่ดีแน่นอน
7.ใช้น้ำเสียงพูดเป็นธรรมชาติ
การเป็นตัวของตัวเองในการเสนอขาย การสาธิต หรือแม้แต่การอธิบายให้กับลูกค้าฟัง การไม่พูดเร็วจนเกินไปหรือช้าเกินไป ควรรักษาระดับหรือจังหวะ และปรับการพูดให้เข้ากับระดับของลูกค้า ลูกค้าระดับหนุ่มสาวการศึกษาดี เขาจะฟังตามทัน แต่ถ้าหากเป็นลูกค้าระดับอายุเลยเลข 40 ไปแล้ว ขอให้พูดระดับเสียงธรรมดาเพื่อให้ลูกค้าที่คิดช้า ฟังช้า ตามเราได้ทัน
8.กล่าวยกย่องผู้ฟังบ้าง
เวลาลูกค้าถามเราก็ยกย่องลูกค้าได้ เช่น เวลาลูกค้าซักถามรายละเอียดต่างๆ คำพูดต่อไปนี้ใช้ได้ดีและถือว่าเป็นการยกย่องคือ เป็นคำถามที่ดีมาก ขอบคุณครับ คุณพี่เป็นคนละเอียดรอบคอบดีนะครับหรือดีจังเลยครับ เป็นค้น การยกย่องลูกค้านั้นให้ทำแต่พอดี อย่าลดตัวเองจนต่ำลงไปจนเราหมดค่าหรือห่างจากลูกค้าจนเรารู้สึกไม่มีความหมาย
9.จงใช้ภาษาของผู้ฟัง
เรื่องของศิลปะการพูดที่ใช้ภาษาของผู้ฟังที่อยากให้นักขายเอาใจเขามาใส่ใจเรา เช่น
-ใช้คำพูดเป็นที่เข้าใจง่าย ชัดเจน แม่นยำ ไม่คลุมเครือ
-การตอบคำถามลูกค้า ต้องตบตรงประเด็น รวบรัด ถูกเรื่องถูกราว ไม่อ้อมค้อม เป็นต้นเพราะลูกค้าต้องการรับรู้หรือไขความขุ่นข้องใจจึงซักถามเรา
-ขณะพูดควรหยุดดูจังหวะ เพื่อตรวจสอบดูว่าลูกค้าหลับไปหรือยัง ขอให้พยายามสื่อสาร 2 ทางคือ ชักชวนลูกค้า พูดคุยซักถามได้อย่างเต็มที่และยินดีตอบข้อซักถามอย่างเต็มในและเชื่อมั่น
-ถ้าจะให้ดีของการพูดเพื่อให้ขายได้มากครั้ง ก็ควรมีการยกตัวอย่างประกอบ เช่น การเล่าเรื่องลูกค้าที่เคยขายมาก่อน ควรหาตัวอย่างดีๆ ที่จะไปเล่าให้ลูกค้าฟังแล้วทำให้เราขายได้
คลิก คลิก คลิกเลย !!! http://www.smartsme.tv/news-detail.php?id=537