ปัจจุบันการทำธุรกิจในปัจจุบันมีความยากลำบากมากขึ้น เนื่องจากการดำเนินที่จำเป็นต้องแสวงหากำไรสูงสุด ส่งผลให้เกิดการแข่งขันสูงและรุนแรงในสภาพการตลาด และการที่มีคู่แข่งมากขึ้นทุกวันต่างฝ่ายต่างมีกลยุทธ์ออกมาต่อสู้กัน ทำให้ต้องลดราคาเพื่อรักษาลูกค้าและในเรื่องของต้นทุนที่สูงขึ้น การลดต้นทุนต้องระวังเรื่องคุณภาพของสินค้าและบริการ หากลดคุณภาพลงมาสินค้าก็ยังได้มาตรฐาน
แนวคิดในการลดและควบคุมต้นทุนการผลิต
1.) สำรวจและวิเคราะห์สถานภาพของต้นทุนการผลิตหลัก ๆ คือแรงงาน วัตถุดิบ เมื่อรู้ต้นทุนแล้วทำให้เราสามารถหาข้อบกพร่อง แล้วหาวิธีลดต้นทุนการผลิต
2.) วิเคราะห์และชี้วัดหาสาเหตุของต้นทุนสูญเปล่าที่เกิดขึ้นจากการผลิตจากการใช้ไฟฟ้าในกระบวนการผลิตในส่วนไหนที่ใช้ไฟฟ้าแล้วสูญเปล่ามากที่สุด
3.) เน้นการลดและควบคุมต้นทุนการผลิตในส่วนของค่าใช้จ่ายที่ไร้ประสิทธิภาพ และนำมาประยุกต์ใช้กับเทคนิควิศวกรรมอุตสาหกรรม (IE Techniques)
การเพิ่มขึ้นของราคาน้ำมันในขณะนี้มีราคาที่เพิ่มขึ้นมาเรื่อย ๆ หลังจากเพิ่งลดลงไปไม่นาน การเพิ่มขึ้นของราคาน้ำมันทำให้ต้นทุนค่าขนส่ง ต้นทุนพลังงาน ค่าสาธารณูปโภคอื่น ๆ สูงขึ้น ทำให้ราคาสินค้าก็สูงขึ้นไปด้วย และในปัจจุบันกรมส่งเสริมอุตสาหกรรมก็มีโครงการช่วยเหลือ SMEs ในด้านต่าง ๆหลายโครงการ ทำให้เกิดการแข่งขันทางการค้าในทุกวันนี้ไม่ได้จำกัดเฉพาะการแข่งขันแค่คู่ค้าภายในประเทศเท่านั้น แต่ต้องแข่งขันกับคู่ค้าจากต่างประเทศที่มีความได้เปรียบในหลาย ๆ ด้าน เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการแข่งขัน เราก็ต้องมีการใช้กลยุทธิที่ช่วยลดต้นทุนการผลิต กลยุทธ์นี้สามารถนำไปประยุกต์ใช้เพื่อความอยู่รอดขององค์กรธุรกิจในยุคที่เศรษฐกิจตกต่ำได้ และอาจเป็นการเพิ่มศักยภาพในการแข่งขันในยุคที่เศรษฐกิจรุ่งเรือง ซึ่งต้องเพิ่มผลกำไรพร้อมทั้งเน้นที่จะแก้ไขข้อบกพร่องภายในธุรกิจ แล้วหาวิธีลดต้นทุน จึงต้องหาระดับสินค้ากองคลังให้เหมาะสม และต้องพิจารณาผลกระทบด้วย ในขณะที่สินค้าของไทยได้มีการส่งออกไปต่างประเทศ ทำให้ต้นทุนการส่งออกสูงขึ้น ความสามารถในการแข่งขันก็ลดลง ปกติแล้วต้นทุนรวมจะประกอบไปด้วย ต้นทุนคงที่ประมาณ 20% ต้นทุนผันแปรประมาณ 80% ซึ่งในทางปฏิบัติแล้วการลดต้นทุน ที่เป็นต้นทุนผันแปรจะลดได้ง่ายกว่าต้นทุนคงที่ คือ
1.) ต้องเพิ่มราคาสินค้า หากมีกำไรต้องมีการลดต้นทุนการผลิตลง แต่ต้องดูกำลังซื้อของลูกค้าด้วย ถ้าหากลดคุณภาพการผลิตลงมา ทางองค์กรต้องทำให้สินค้ายังคงได้มาตรฐานเป็นที่ยอมรับของลูกค้า
2.) วัสดุต้องมีคุณภาพที่พอดี เน้นการลดและควบคุมต้นทุนการผลิตในส่วนของค่าใช้จ่ายที่ไร้ประสิทธิภาพ ต้องมีการศึกษาด้านเทคนิคในเรื่องของคุณภาพสินค้าจะต้องมีปริมาณสำรองที่จะนำมาทดแทนได้โดยไม่ส่งผลกระทบต่อการส่งมอบสินค้าให้กับลูกค้า ฝ่ายขายต้องคอยอัพเดตและวิเคราะห์ปัจจัยต่างๆ อยู่ตลอดเวลา ที่อาจส่งผลกระทบต่อปริมาณการสั่งซื้อของลูกค้าอยู่เสมอเพื่อเพิ่มความแม่นยำในการประมาณการขาย
3.) การลดต้นทุนการขนส่ง ต้องเลือกเส้นทางที่ไม่เสียเวลาระยะทางที่สั้นไม่เสียเวลาในการขนและไม่สิ้นเปลืองเชื้อเพลิงในการใช้ยานพาหนะ ซึ่งหากเปรียบเทียบกับการใช้ทางน้ำ ทางเครื่องอากาศ ยานพาหนะก็สามารถลดต้นทุนเชื้อเพลิงได้ หากการขนส่งที่มีระยะทางไกลมากและซ้ำซ้อนส่งผลให้เกิดต้นทุนเพิ่มขึ้นอย่างค่าแรงพนักงาน ค่าน้ำมัน ก็ต้องปรับความสมดุลของกระบวนการ การเคลื่อนไหว เป็นหลัก การปรับปรุงผังกระบวนการและผังโรงงานควรมีการประชุมในทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องและพิจารณาอย่างรอบคอบ เนื่องจากต้นทุนในการปรับเปลี่ยนอาจสูงกว่าต้นทุนการผลิตที่ลดลง
4.) การลดต้นทุนการใช้ไฟฟ้าและการเพิ่มเปอร์เซ็นต์ ในการใช้เครื่องจักร ทำโดยการปรับปรุงเครื่องจักรให้ใช้ไฟฟ้าที่ลดลง ในการผลิตอยู่ที่ 50 % Utility หากหาช่องทางจำหน่ายสินค้าเพิ่มมากขึ้น จะทำให้สามารถขายสินค้าได้เยอะกว่าเดิม จะส่งผลให้ต้นทุนโดยรวมลดต่ำลง การปรับปรุงเครื่องจักรให้มีการสูญเสียน้อยที่สุด ควรใช้เครื่องจักรที่ใหม่กว่า ซ่อมน้อยมาเดินเครื่อง อย่าลืมว่าหากเศรษฐกิจดีขึ้นช่วงกะ 1 มีการจ่ายมาก ช่วงกะ 2 จ่ายมากที่สุด ช่วงกะ 3 จ่ายน้อยลง ต้องจัดให้มีการเดินเครื่องจักรที่พอดีไม่เดินจำนวนเครื่องจักรเท่ากันหมดทั้ง 3 กะ ทำให้เครื่องจักรเดินตัวเปล่ามาก ไม่เปลืองแรงงานผู้รับเหมาหรือพนักงาน
5.) การลดต้นทุนการซ่อมบำรุงเครื่องจักร ต้องมีการตรวจสภาพน้ำมันเครื่องจักรตามวันที่กำหนด หากเกิดปัญหากับเครื่องจักรก็ควรมีอะไหล่ที่ใกล้เคียงใช้ร่วมกันได้ ส่วนใหญ่จะเป็นนอกเครื่องยนต์หรือเกียร์ของเครื่องจักร หากจะทำการผลิตอะไหล่เองนั้นก็ต้องหาผู้ความชำนาญในด้านนี้โดยเฉพาะ และจัดตั้งคณะทำงานเพื่อทำหน้าที่รับผิดชอบในการควบคุมดูแลและติดตามการผลิตและเครื่องจักรตลอดเวลาเพื่อจะได้วิเคราะห์การชำรุดของอะไหล่และปรับปรุงซ่อมได้อย่างถูกวิธีลดการเสีย ชำรุดซ้ำซาก สามารถใช้ในทำการผลิตที่ระยะยาวได้ และไม่ควรสั่งอะไหล่มากักตุนเพื่อลดต้นการจัดซื้อประหยัดงบของบริษัทอีกด้วย
การลดต้นทุนนั้นสามารถทำได้หลายรูปแบบจากการเข้าร่วมโครงการของกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม การสู้ด้วยกลยุทธ์ทางการตลาด โดยมีผู้บริหารระดับสูงที่มีอำนาจในการตัดสินใจควบคุมดูแลทั้งหมดขององค์กร ผู้ประกอบการควรมีความตั้งใจศึกษาค้นคว้าหาความรู้ ได้รับการกำกับดูแลอย่างใกล้ชิดจากการจ้างผู้เชี่ยวชาญมาเป็นที่ปรึกษากำกับการผลิต ให้เป็นไปตามแนวทางการลดต้นทุนอย่างเป็นระบบ ก็จะก่อให้เกิดประโยชน์แก่องค์กรและความเป็นอยู่ของพนักงาน ทำให้มีการเพิ่มขีดความสามารถในการผลิตและการแข่งขัน การตอบสนองต่อสิ่งที่ลูกค้าต้องการอย่างรวดเร็วทำให้ยอดขายนั้นดีขึ้น ทำให้บริษัทอยู่รอดได้ จากการนำความรู้จากโครงการ SMEs ต่าง ๆ การสู้ด้วยกลยุทธ์ทางการตลาดและต้องทำควบคู่กับการลดต้นทุนการผลิต สามารถนำไปเป็นแนวทางในการอยู่รอดในช่วงเกิดวิกฤตเศรษฐกิจและเกิดการแข่งขันสูงทางธุรกิจ