รู้จัก “ฉลากเขียว” เครื่องหมายช่วยสะท้อนความยั่งยืนของแบรนด์ต่อสิ่งแวดล้อม
ฉลากเขียวของประเทศไทย ริเริ่มขึ้นโดยองค์กรธุรกิจเพื่อการพัฒนาอย่างยั่งยืน (Thailand Business Council for Sustainable Development, TBCSD)
ทางกรมสรรพสามิตได้ออกมารายงานโครงสร้างภาษีรถยนต์ที่จะปรับใช้กันในปีหน้า โดยภาษีที่ขึ้นมากหรือน้อยขึ้นอยู่กับปริมาณการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์เป็นฐานในการคำนวณภาษี โดยโครงสร้างภาษีรถยนต์ใหม่นี้จะเริ่มใช้ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคา 2559 นี้!!
โครงสร้างภาษีรถยนต์ในปี 2016 ที่ควรรู้ไว้ก่อนตัดสินใจซื้อรถ
ทางกรมสรรพสามิตได้ออกมารายงานโครงสร้างภาษีรถยนต์ที่จะปรับใช้กันในปีหน้า โดยภาษีที่ขึ้นมากหรือน้อยขึ้นอยู่กับปริมาณการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์เป็นฐานในการคำนวณภาษี โดยโครงสร้างภาษีรถยนต์ใหม่นี้จะเริ่มใช้ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคา 2559 นี้!!
1. รถไฮบริด ที่มีปริมาณการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ 101-150 g/km มีค่าส่วนต่างภาษีใหม่ 0.7-1.7 แสนบาท
2. รถ PPV ที่มีปริมาณการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์มากกว่า 200 g/km มีค่าส่วนต่างภาษีใหม่ 1.5-1.9 แสนบาท
รถ PPV ที่มีปริมาณการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์น้อยกว่าหรือเท่ากับ 200 g/km จะมีค่าส่วนต่างภาษีใหม่ 0.7-1.9 แสนบาท
3. รถยนต์นั่ง เครื่อง 2000-2500 cc เติมน้ำมัน E85 หรือ NGV มีปริมาณการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์มากกว่า 200 g/km มีค่าส่วนต่างภาษีใหม่ 1.2-1.6 แสนบาท
รถยนต์นั่ง เครื่อง 2000-2500 cc เติมน้ำมัน E20 มีปริมาณการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ 151-200 g/km มีค่าส่วนต่างภาษีใหม่ 0.9-1 แสนบาท
รถยนต์นั่ง เครื่อง 1500-2000 cc เติมน้ำมัน E85 หรือ NGV มีปริมาณการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ 151-200 g/km มีค่าส่วนต่างภาษีใหม่ 0.8-1.5 แสนบาท
รถยนต์นั่ง เครื่อง 1500-2000 cc เติมน้ำมัน E20 มีปริมาณการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์มากกว่า 200 g/km มีค่าส่วนต่างภาษีใหม่ 4-5 แสนบาท
รถยนต์นั่ง เครื่อง 1500-2000 cc เติมน้ำมัน E20 มีปริมาณการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ 151-200 g/km มีค่าส่วนต่างภาษีใหม่ 1-3 แสนบาท
4. รถ Eco Car ที่มีปริมาณการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์น้อยกว่าหรือเท่ากับ 120 g/km ไม่มีการเปลี่ยนแปลงของค่าส่วนต่างภาษีใหม่