โจ๊ก เมนูยอดฮิตมื้อเช้า เป็นอาหารที่รับประทานง่าย ย่อยสะดวก ไม่ว่าเด็กหรือคนแก่ และสามารถหาซื้อง่าย โจ๊กมีต้นกำเนิดมาเป็นระยะเวลา 2,000 ปีแล้ว เป็นหนึ่งตำรับอาหารที่ชาวจีนได้สร้างชื่อไว้ในทำเนียบอาหาร โดยในตำราหนึ่งระบุว่าฮ่องเต้หวงตี้ ปฐมจักรพรรดิของจีน ตั้งแต่พุทธศักราช 323 พระองค์ถือเป็นต้นกำเนิดชนชาติจีนทั้งมวล คือบุคคลแรกที่ทรงทำอาหารประเภทโจ๊กด้วยการใส่ข้าวฟ่างเป็นส่วนผสม ซึ่งอาจเป็นบันทึกครั้งแรกที่พูดถึงการทำโจ๊ก ซึ่งหมายถึงการต้มข้าวด้วยน้ำจำนวนมาก และยังมีบันทึกเช่นกันว่าสมัยราชวงศ์ชิง แผ่นดินฮ่องเต้หย่งเจิ้น คศ.1722-1735 เกิดภัยแล้งคุกคามครั้งใหญ่ ฮ่องเต้หย่งเจิ้นให้ทางการทำโจ๊กแจกจ่ายให้ราษฎรผู้อดอยาก แต่เจ้าหน้าที่คอร์รัปชั่นโกงข้าวไว้ส่วนหนึ่งและเติมน้ำลงไปมาก ๆ เมื่อหย่งเจิ้นทรงทราบเรื่องได้ทรงบัญญัติมาตรฐานการต้มโจ๊กว่าต้องมีความข้นมากพอที่เมื่อปักตะเกียบลงไป ตะเกียบยังคงตั้งตรงอยู่ได้
การปรุงโจ๊กจึงถือว่าเป็นศิลปะการทำอาหารของชาวจีนทีเดียว แต่คำสั่งของหย่งเจิ้นหาใช่มาตรฐานของการปรุงโจ๊กไม่ หยวนเหมยปราชญ์สมัยราชวงศ์ชิง บรรยายมาตรฐานการปรุงโจ๊กว่า โจ๊กที่มีน้ำมากเกินไปและข้าวที่น้อยเกินไปไม่จัดว่าเป็นโจ๊กที่เยี่ยมยอด โจ๊กที่มีข้าวมากเกินไปและน้ำน้อยไปก็ไม่จัดว่าเป็นโจ๊กที่เยี่ยมยอดได้เหมือนกัน หากกล่าวถึงโจ๊กที่เยี่ยมยอดสัดส่วนของน้ำและข้าวต้องระวังให้สมดุลกัน น้ำและข้าวต้องประสานเป็นเนื้อเดียวกัน ปัจจุบันโจ๊กเป็นอาหารเช้าที่ได้รับความนิยมมากในทางตอนใต้ของจีน ชาวจีนในมณฑลกวางตุ้งได้ชื่อว่าเป็นผู้เชี่ยวชาญเป็นพิเศษในการปรุงโจ๊ก และฮ่องกงซึ่งรับวัฒนธรรมอาหารกวางตุ้งมาเต็มที่ ฮ่องกงเป็นดินแดนแรกของชาวจีนที่เปิดประตูรับชาวตะวันตก ในขณะที่ขาวตะวันตกนำความรุ่งเรืองทางธุรกิจมาให้ ฮ่องกงก็มอบวัฒนธรรมอาหารจีนตำรับกวางตุ้งให้ชาวตะวันตกได้รู้จัก หนึ่งในนั้นคือโจ๊ก โดยเฉพาะคนไทย ถ้าเอ่ยชื่อโจ๊กฮ่องกงเป็นชื่อที่รับประกันได้ถึงความอร่อย สรุปได้ว่าโจ๊กเป็นอาหารประจำถิ่นของหลายประเทศในเอเชีย รับประทานตั้งแต่ชาวญี่ปุ่นจนถึงชาวอินเดีย ไม่ว่าจะกินเป็นอาหารเช้า อาหารว่าง อาหารมื้อเที่ยง ช่วยสร้างความอบอุ่นให้ช่องท้องและง่ายในการย่อย การกินโจ๊กกับผักหรือเนื้อสัตว์ชนิดใดก็เป็นความนิยมของท้องถิ่นนั้น ๆ แม้นิยมเป็นอาหารเช้า แต่ร้านที่มีฝีมือในการปรุงโจ๊กหลายร้านก็เปิดขายกันตลอดทั้งวัน
ขอบคุณรูปจาก http://www.ka-nom.com/