บันได 5 ขั้นสู่ความสำเร็จของผู้ประกอบการ : พยัต วุฒิรงค์


ผมเชื่อว่าผู้ประกอบการทุกคนต้องการประสบความสำเร็จด้วยเวลาอันรวดเร็ว แต่ทุกเส้นทางไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบเสมอไป โดยเฉพาะผู้ประกอบการรายย่อยหรือเอสเอ็มอี กว่าจะหาไอเดียในการทำธุรกิจ หาเงินลงทุน หาเพื่อนร่วมงาน หาออฟฟิต หาลูกค้า หาคู่ค้า และหาอีกหลายๆ อย่างเพื่อให้ดำเนินธุรกิจได้ ทุกคนต้องพบเจอ “แรงเสียดทาน” เรียกได้ว่า กว่าจะเดิน “ก้าวแรก” ก็เกือบตาย มันไม่ได้สวยหรูดังที่ฝันหรือหนังสือธุรกิจที่อ่าน

 

จากการพูดคุยกับผู้ประกอบการที่ประสบความสำเร็จในแวดวงธุรกิจพบว่า ผู้ประกอบการส่วนใหญ่มักผ่านอะไรที่คล้ายๆ กัน และมีเส้นทางธุรกิจที่ใกล้เคียงกัน หรืออาจเรียกได้ว่าเป็น บันได 5 ขั้นสู่ความสำเร็จของผู้ประกอบการ ซึ่งเป็นเช็คลิสต์สำหรับผู้อยากทำธุรกิจ ผู้กำลังทำธุรกิจ และผู้ที่กำลังคิดออกจากธุรกิจ

 

บันได้ขั้นแรก: คุณต้องรักในสิ่งที่ทำ

 

ผู้ประกอบการที่ประสบความสำเร็จส่วนใหญ่จะรักในสิ่งที่ตัวเองทำ

 

“รัก” คืออะไร

 

รักคือ คุณอยากอยู่กับมันหรือเปล่า อยู่กับมันได้ทั้งวันทั้งคืนหรือเปล่า

 

ความแตกต่างระหว่าง ชอบในสิ่งที่ทำ กับ รักในสิ่งที่ทำ

 

“ชอบ” คืออยากได้ อยากมี อยากเป็น อยากครอบครอง แต่ “รัก” คือการทุ่มเท ทำทั้งที่สุดท้ายอาจไม่ได้ครอบครอง

 

คนบางคนเริ่มธุรกิจเพราะคิดว่าอยากเท่ อยากทำอะไรก็ได้ตามกระแส อยากมีอะไรทำเหมือนคนอื่นเค้า นั่นคือ คุณ “ชอบ” ที่จะทำมัน แต่คุณอาจไม่ได้รักมัน เพราะถ้าคุณรัก คุณจะอยากทำมันและคิดถึงมันทุกลมหายใจ ทุ่มเททุกวินาทีเพื่อมัน

 

แจ็ หม่า เจ้าของ Alibaba Group อาจประสบความล้มเหลวหลายครั้งในชีวิตและการทำธุรกิจ แต่เค้าไม่ยอมเลิกรักหรือล้มเลิกในสิ่งที่เค้าทำ จนทำให้นายหม่า กลายเป็นบุคคลที่ร่ำรวยที่สุดในประเทศจีน และร่ำรวยเป็นอันดับ 18 ของโลกจากการจัดอันดับของนิตยสาร Forbes ในปี 2014

 

คนที่ประสบความสำเร็จในการทำธุรกิจมักจะบอกเสมอว่า “เมื่อคุณรักในสิ่งที่คุณทำ คุณจะมีทุกวิถีทางที่ทำให้มันสำเร็จ และคุณจะไม่มีวันหยุดรักหรือเลิกรักมัน

 

 

บันไดขั้นที่สอง: คุณต้องวางแผนและลงมือทำให้ได้

 

ความแตกต่างระหว่างผู้ประกอบการที่ประสบความสำเร็จกับผู้ประกอบการที่ล้มเหลว คือ การลงมือทำ

 

ถ้าคุณลงมือทำโดยยังไม่มีแผน ความสำเร็จของคุณต้องแลกมาด้วยประสบการณ์อันโชกโชน แต่ถ้าคุณวางแผนและลงมือทำ ความสำเร็จของคุณจะมาด้วยการล้มและลุก ล้มและลุก และลุกๆๆ

 

คนส่วนใหญ่ชอบคิด การคิดเป็นสิ่งที่ดี แต่การคิด กับ การคิดมากก็แตกต่างกัน ผมชอบข้อความหนึ่งที่ได้มาจากเพื่อนใน Facebook เค้าบอกว่า

 

ถ้าคุณกำลังรู้สึก “หดหู่” แสดงว่า คุณกำลังใช้ชีวิตอยู่กับ “อดีต”

ถ้าคุณกำลัง “กังวล” แสดงว่า คุณกำลังใช้ชีวิตอยู่กับ “อนาคต”

ถ้าคุณกำลังอยู่อย่าง “สงบ” แสดงว่า คุณกำลังมีชีวิตอยู่กับ “ปัจจุบัน”

 

หากคุณใช้เวลาวางแผนมากๆ กางทฤษฎีทุกทฤษฎี อ่านและเรียนมากๆ สิ่งหนึ่งที่คุณได้คือ ความรู้

 

แต่การมีความรู้ต้องคู่กับการปฏิบัติ ลงมือทำกับปัจจุบัน ไม่ใช่อยู่กับอดีตที่หดหู่หรืออยู่กับอนาคตที่น่ากังวล

 

คุณจะเห็นคนที่ประสบความสำเร็จหลายๆ คน ไม่ได้เรียนเก่ง ไม่ได้มีความรู้มาก แต่เค้า “เรียนรู้” มากทุกคน ย้ำว่าทุกคนครับ เค้าเรียนรู้จากการลงมือทำ เค้าเรียนรู้จากความผิดพลาด และเค้าเรียนรู้จากผู้อื่นเสมอ

 

ครั้งหนึ่ง สตีฟ จ๊อบส์ ผู้ปลุกปั้นแอปเปิ้ลให้โด่งดัง เคยกล่าวไว้ว่า “การวางแผนธุรกิจที่ดีไม่จำเป็นต้องมีเยอะหน้า เพียงแค่แผนในกระดาษ 10 แผ่นก็เพียงพอต่อการใส่ทุกอย่างที่คุณต้องการในการเริ่มต้นธุรกิจแล้ว

 

นั่นคือ บันได้ขั้นที่ 2 ที่คุณต้องก้าวขึ้นไปหากต้องการประสบความสำเร็จ ก้าวข้ามการคิดๆๆๆ และคิด เปลี่ยนเป็น การคิดๆ ทำๆๆๆ ทบทวนๆ ทำๆๆๆ หรือจะพูดง่ายๆ ว่าเป็นการคิดและลงมือทำนั่นเอง

 

 

บันได้ขั้นที่สาม: บอกเล่าความดีธุรกิจคุณให้ได้

 

เมื่อคุณลงมือทำธุรกิจ คุณต้องมีความมั่นใจ เมื่อคุณมีความมั่นใจ คุณต้องพูดต่อหน้าคนอื่นหรือพูดต่อหน้าสาธารณชนให้ได้ว่า อะไรคือสิ่งที่สินค้า บริการ หรือธุรกิจของคุณมีดี

 

หลายครั้ง ผู้ประกอบการไม่สามารถนำเสนอจุดเด่นของสินค้าหรือบริการตัวเองได้

 

ผมคิดว่าหลายคนเคยไปทานอาหาร แล้วไม่รู้จะสั่งอะไรดี เลยถามเจ้าของร้านหรือพนักงานว่า อาหารอะไรอร่อยหรือแนะนำอาหารอะไร หลายครั้งสิ่งที่ผมได้กลับมาคือ อร่อยทุกอย่าง … มันง่ายเกินไปครับสำหรับคำว่า “อร่อยทุกอย่างหรือดีทุกอย่าง”

 

ถ้าคุณคิดว่า คุณมีอาหารจานเด่นของร้านคุณ คุณบอกไปเลยครับ คุณต้องกล้าๆ บอก เพราะคนฟังรอฟังความดีหรือจุดเด่นของสินค้าคุณอยู่ เอาล่ะ หากคุณคิดว่า อาหารร้านคุณอร่อยทุกอย่างจริงๆ คุณก็ต้องกล้าๆ พูดครับ หรือแนะนำเลยครับว่า ทำไมสินค้าคุณถึงดีทุกอย่าง เช่น อาหารทุกจานใช้วัตถุดิบชั้นดี ผักปลอดสารพิษ ปลาที่สด น้ำซุปที่ทำใหม่ทุกวัน นั่นคือ ความดีของสินค้า บริการ หรือธุรกิจคุณที่คนอยากได้ยิน

 

และคนที่ทำหน้าที่ในการบอกเล่าความดีของธุรกิจคุณได้ดีที่สุดก็คือ ตัวคุณเอง ผมไม่ได้ให้โม้ แต่ผมให้บอกความจริงของสินค้าหรือบริการของคุณ และความจริงเป็นสิ่งไม่ตายครับ ลูกค้าจะรับรู้ได้ถึงความจริงนั้น และนำไปสู่การบอกต่อแบบปากต่อปาก แบบที่คุณไม่ต้องลงทุนโฆษณาอะไรเลย

 

ริชาร์ด แบรนสัน เจ้าของ Virgin Group ที่มีธุรกิจมากมายทั้งสายการบิน วิทยุและเอ็นเตอร์เทนเมนต์ มักใช้ตัวเองเป็นผู้ประกาศความดีของสายการบินหรือธุรกิจตัวเองอยู่เสมอ และเล่าด้วยความจริงใจ ทำให้ผู้คนหันมาใช้บริการของ Virgin อย่างมาก

 

คุณต้องฝึก ฝึกพูดสิ่งดีๆ ของสินค้า บริการ และธุรกิจของคุณ

 

เรื่องราวดีๆ จะสร้างสิ่งดีๆ ในตัวคุณและธุรกิจของคุณ และจำไว้เสมอว่า ลูกค้าทุกคนรอฟังคุณอยู่

 

 

บันไดขั้นที่สี่: สร้าง “ทีมเอ” ของคุณ

 

การทำธุรกิจให้ประสบความสำเร็จอย่างยั่งยืนไม่สามารถสร้างด้วยมือของคุณเพียงคนเดียว คุณต้องมีทีม ทีมในที่นี้อาจมีแค่ 1 คน 2 คน จนกระทั่งถึง 10 คน ทีมนี้คือ ทีมแรกที่เจ๋งพอ หรือเราเรียกทีมนี้ว่า ทีมเอ

 

ทีมที่จะซึมซับทัศนคติ ประสบการณ์ ทักษะ รูปแบบการทำธุรกิจของคุณ จนสร้างเป็นวัฒนธรรมองค์กรที่แข็งแกร่ง

 

ทีมเอ ไม่ใช่พนักงานทั่วไป ทีมเอ คือ ทีม และ เอ

 

ทีม คือคนที่คุณอยากให้สืบทอดธุรกิจ  เอ คือคนที่ดีที่สุด มีศักยภาพที่สุด

 

ทีมเอ อาจใช้เวลาสร้าง 1 ปี 2 ปี หรือหลายๆ ปี ก็ไม่สามารถบอกได้ แต่ต้องสร้าง

 

หลายครั้งที่ผู้ประกอบการฉายเดี่ยวจนกลายเป็นนิสัย พอถึงวันที่ต้องขยายสาขา ขยายธุรกิจ กลับทำไม่ได้ เพราะไม่ได้สร้างมือขวาหรือทีมเอไว้ ทำให้ธุรกิจหยุดชะงักอย่างไม่น่าเชื่อ

 

ธุรกิจครอบครัวเป็นตัวอย่างที่ดีของการหยุดชะงักเพราะไม่มี ทีมเอ หลายครั้งลูกหลานไม่กลับมาช่วยงานพ่อแม่ ทำให้ธุรกิจไม่ได้รับการสืบทอด เพราะอะไรครับ เพราะพ่อแม่ไม่เคยสร้างทีมเอ ไว้งัยครับ ทีมเอ อาจเริ่มจากลูกหลาน หรือคนในครอบครัวคุณ คนที่คุณอยากให้สืบทอดธุรกิจ สิ่งเล่านี้ต้องปลูกฝังและใช้เวลา อย่าคิดว่า เป็นเรื่องง่ายนะครับ หลายธุรกิจดังๆ ตกม้าตายมานักต่อนักแล้ว

 

ทีมเอ เป็นทีมที่คุณจะต้องถ่ายทอดทุกอย่างของหัวใจในการดำเนินธุรกิจของคุณ ส่วนเค้าจะประยุกต์หรือดัดแปลงเป็นอย่างไรก็เป็นอีกเรื่องนึง แต่หัวใจในการทำธุรกิจ ต้องเหมือนเดิม

 

ทีมเอ จะต้องได้รับการเล่าเรื่องราวจากคุณ เรื่องราวดีๆ ในการสร้างธุรกิจ หรือสิ่งที่คุณอยากให้เป็น อยากเห็นในอนาคต สิ่งเหล่านี้จะสร้างความเชื่อมั่นและรายได้ให้กับธุรกิจของคุณอย่างไม่น่าเชื่อ

 

 

บันได้ขั้นที่ห้า ซึ่งเป็นขั้นสุดท้าย: คุณ…ไม่เคยสายที่จะเริ่มต้น

 

การเริ่มต้นในที่นี้คือ การเริ่มต้นธุรกิจใหม่ การเริ่มต้นหลังจากธุรกิจล้มเหลว และการเริ่มต้นขยายธุรกิจ ทุกอย่างคือการเริ่มต้นทั้งนั้นครับ

 

ผู้ประกอบการที่ประสบความสำเร็จจำนวนมากเริ่มต้นเมื่ออายุมาก J.K. Rowling แม่บ้านที่ใช้เวลาว่างในการเลี้ยงลูกน้อย เขียนหนังสือชื่อ Harry Potter จนขายดิบ ขายดีทั่วโลก และสร้างเป็นภาพยนต์จนติดอันดับหนังทำเงิน Box Office

 

คนเหล่านี้ล้วนประสบความสำเร็จหลังจากผ่านเรื่องราวต่างๆ ทั้งสมหวังและผิดหวังในชีวิตมาแล้วทั้งสิ้น แต่ประสบการณ์ต่างๆ จะทำให้คุณมีความลึกในการเรียนรู้มากขึ้น

 

ทัศนคติในการดำเนินธุรกิจของคุณจะสร้างรูปแบบธุรกิจที่เฉพาะตัว ไม่เหมือนใคร และ “ตัวคุณคือหัวใจของการทำธุรกิจให้ประสบความสำเร็จ”

 

เมื่อคุณดำเนินธุรกิจมาถึงจุดหนึ่ง คุณอาจประสบความสำเร็จง่ายๆ หรือคุณอาจล้มอย่างไม่เป็นท่า บันได้ขั้นสุดท้ายก่อนก้าวสู่ความสำเร็จของผู้ประกอบการคือ คุณพร้อมที่จะลุก และเริ่มต้นประสบความสำเร็จหรือความล้มเหลวอีกครั้งแล้วหรือยัง

 

 

ผู้ประกอบการทุกคนอยากประสบความสำเร็จในการทำธุรกิจ แต่ไม่ใช่ทุกคนที่จะก้าวขึ้นบันไดแห่งความสำเร็จได้ ไม่ใช่ทุกคนจะรักในสิ่งที่ทำ ไม่ใช่ทุกคนจะมีการวางแผน ไม่ใช่ทุกคนจะคิดและลงมือทำ ไม่ใช่ทุกคนจะมีทีมเอ และไม่ใช่ทุกคนที่จะเริ่มต้นใหม่ได้เรื่อยๆ หรือไม่ยอมแพ้ต่อความสำเร็จและความล้มเหลว

 

เมื่อเริ่มตั้งตัวได้ก็ต้องฝ่าฟันกับการ “เอาตัวรอด” ในดงเสือ สิงห์ กระทิง แรด เจอการตัดราคา แย่งลูกค้า หาเงินเพิ่มทุน หรือบางคนต้องพบเจอกับการโดนโกง แม้ว่าผู้ประกอบการทุกคนมี “แรงบันดาลใจ” หรือ “แรงผลักดัน” ที่ต้องการประสบความสำเร็จด้วยมือตัวเอง และรู้ว่าก่อนที่จะสำเร็จ ต้อง “ล้ม” เสมอ แต่สิ่งที่ต้องพบเจอมันหนักหนาจนทำให้ผู้ประกอบการหลายคนถึงกับท้อกันเลยทีเดียว ก่อนที่คุณจะประสบความสำเร็จในการทำธุรกิจ คุณต้องตอบคำถามเหล่านี้อีกครั้งว่า

 

วันนี้…คุณรักในสิ่งที่คุณทำแล้วหรือยัง ???

วันนี้…คุณคิดวางแผนและลงมือทำแล้วหรือยัง ???

อะไรคือสิ่งที่ดีในตัวคุณ สินค้าคุณ บริการของคุณ และธุรกิจของคุณ ???

วันนี้…คุณมีทีมเอแล้วหรือยังครับ ???

และวันนี้…คุณพร้อมที่จะเริ่มต้นประสบความสำเร็จและประสบความล้มเหลวแล้วหรือยัง ???

 

บันไดก็คือบันได บันไดมีไว้ให้ปีน แต่ไม่ใช่ทุกคนจะปีนขึ้นบันไดได้ เพราะบันไดบางตัวก็สูงชัน มีขั้นบันไดที่ห่าง บันไดบางตัวก็เตี้ย มีขั้นบันไดที่แคบ หากคุณต้องการประสบความสำเร็จในโลกธุรกิจ คุณต้องตอบคำถามเหล่านี้ให้ได้ เตรียมพร้อมและเริ่มปีนบันไดทีละขั้นอย่างช้าๆ และธุรกิจคุณจะสำเร็จอย่างยั่งยืนแน่นอนครับ … สวัสดี