“อาจารย์ครับ ผมอยากจะเชิญอาจารย์ไปเลือกซื้อคอนโดฯ สักหน่อย จะสะดวกวันไหนครับ”
ผมได้รับโทรศัพท์จากลูกค้าท่านหนึ่ง หลังจากที่นัดแนะกันเรียบร้อยก็ไปดูคอนโดฯ ด้วยกัน ผมยิงคำถามไปว่า “จะซื้อเอาไว้อยู่เอง หรือให้เช่า” ผมก็ได้รับคำตอบว่า “ซื้อเอาไว้เก็งกำไร ถ้าขายได้ราคาก็จะขาย ถ้ายังไม่ได้ราคาก็จะปล่อยเช่า”
เหตุผลที่ผมต้องถามก่อน ก็เพราะถ้าซื้อไว้อยู่เอง การพิจารณาฮวงจุ้ยจะต้องให้น้ำหนักไปที่เจ้าของห้อง แต่ถ้าซื้อเพื่อให้เช่าหรือขายต่อจะต้องดูที่ทำเลของห้องกับการเลือกชั้นเป็นสำคัญ
ตรงนี้ถือว่าสำคัญนะครับ ซินแสหลายคนไม่ค่อยนึกถึงเรื่องนี้ ส่วนใหญ่ก็กางตำราหาตำแหน่งที่ดีที่สุดกันเลย จนลืมนึกไปว่าถ้าเจ้าของอยู่เองจะต้องพิจารณาเฉพาะบุคคลมากกว่าจะเอาหลักฮวงจุ้ยมาเป็นตัวตัดสิน เรียกว่า เอาคนเป็นศูนย์กลาง ไม่ใช่เอาตำราเป็นศูนย์กลาง
ผมยกตัวอย่างให้เห็นภาพที่ชัดขึ้น อย่างคนที่มีนิสัยสันโดษ ชอบอยู่เงียบๆ ไม่ชอบให้ใครเดินผ่านหน้าห้อง แบบนี้จะต้องเลือกห้องที่อยู่มุมในสุดถึงจะเหมาะ ส่วนคนที่ชอบคึกคักหน่อยจะต้องเลือกห้องที่ใกล้ลิฟต์ เรียกว่าออกจากลิฟต์เดินเข้าห้องได้เลย อย่างนี้เป็นต้น
กรณีที่ผมไปดูนี้ ลูกค้ามีเจตนาชัดเจนว่าไม่ได้อยู่เองแน่ๆ และที่สำคัญจะซื้อมากกว่า 1 ห้องด้วย เรียกว่าเป็นการลงทุนน่าจะเหมาะกว่า คอนโดฯ นี้อยู่ใกล้ทางขึ้น-ลงรถไฟฟ้า ราคาค่อนข้างจะสูงทีเดียว เป็นคอนโดฯ ใหม่ ผมไปถึงเจ้าหน้าที่โครงการก็เอาผังรวมของคอนโดฯ มาให้ดู
“เอาห้องไหนดีครับอาจารย์” ลูกค้าถามขึ้นมาขณะที่ผมกำลังก้มดูผัง
“ใจเย็นๆ ครับ อยากได้ของดีต้องใจเย็นๆ” ลูกค้าหัวเราะแล้วไม่พูดอะไรอีก
ผมถามเจ้าหน้าที่ไปว่าทั้ง 4 ด้านของคอนโดฯ เป็นอะไรบ้าง ก็ได้รับคำตอบว่า ด้านหน้าเป็นสำนักงานให้เช่า ด้านซ้ายยังเป็นที่ว่าง ด้านขวาเป็นทางรถไฟฟ้า ส่วนด้านหลังเป็นโกดังเก็บของ ทิศหน้าอาคารคือ ทิศใต้
เมื่อรู้ข้อมูลคร่าวๆ แล้ว ขั้นตอนต่อไปก็มาดูว่าจะเอาชั้นไหน ห้องอะไรถึงจะดี ผมบอกลูกค้าไปว่าถ้าซื้อเพื่อขายหรือปล่อยเช่าให้ตัดชั้นที่ไม่ดีออกไปก่อน เพราะถ้าคนจะซื้อต่อหรือขอเช่าเกิดพาซินแสมาดูจะได้ไม่มีข้อติได้ ให้เลือกชั้นที่ตำราบอกว่าดี ยังไงก็ไม่มีเสีย
“เลือกชั้นที่สูงกว่าชั้น 4 ขึ้นไป ตัดชั้น 7, 13, 17, 22, 23, 27, 33, 37 ออก ส่วนชั้นดีให้เลือกชั้น 8, 9, 14, 16, 18, 19, 26, 28, 38, 39 ชั้นที่ไม่ได้พูดถึงถือว่ากลางๆ ครับ”
ผมคงต้องขยายความให้ฟังสักหน่อย ตัวเลขที่ผมกล่าวมานี้เป็นตัวเลขในทางวิชาฮวงจุ้ยนะครับ ไม่เกี่ยวกับศาสตร์ตัวเลขอย่างอื่น และเป็นตัวเลขที่ไม่เกี่ยวกับตัวบุคคลด้วย เป็นตัวเลขที่ใช้ทั่วไป ที่บอกถึงความเป็นมงคลไม่เป็นมงคล อย่าเอาไปปนกันนะครับ เพราะถ้าเอาบุคคลมาเป็นตัวตั้งการเลือกชั้นจะไม่ใช่แบบนี้ จะพิจารณาตามธาตุดวงชะตากับตัวเลขชั้นที่แทนความหมายของธาตุ เช่น ชั้น 1-2 เป็นธาตุไม้ 3-4 เป็นธาตุไฟ 5-6 เป็นธาตุดิน 7-8 เป็นธาตุไฟ 9-10 เป็นธาตุน้ำ ไม่เกี่ยวกันครับ
คราวนี้มาดูชั้นที่ผมตัดออกกันก่อน ที่ผมบอกว่าให้เลือกชั้นที่สูงกว่าชั้น 4 ก็คือชั้น 1 ถึง 4 ไม่ควรเลือกนั้นเป็นเพราะชั้น 1-4 จะอยู่ต่ำเกินไป อาจมีผลกระทบได้ง่ายจากสภาพแวดล้อม ไม่ว่าจะเป็นทางรถไฟฟ้า อาคารสำนักงาน หรือโกดังที่อยู่ข้างเคียง
ส่วนชั้นอื่นๆ ที่ไม่ควรเลือกนั้น แต่ละชั้นจะมีความหมายดังนี้ครับ
ส่วนชั้นที่มีตัวเลขที่ดี จะมีความหมายดังต่อไปนี้ครับ
เมื่อทราบข้อมูลแบบนี้แล้ว การเลือกชั้นก็ไม่ใช่ปัญหา ลูกค้าบอกว่าอยากได้ชั้นที่ไม่สูงมาก 1 ห้อง กับชั้นที่สูงอีก 1 ห้อง ผมเลยแนะนำไปว่าถ้าอย่างนั้นให้เลือกชั้น 9 กับชั้น 19 เพราะเป็นตัวเลขที่ดี ไม่เฉพาะในวิชาฮวงจุ้ยเท่านั้น ศาสตร์ตัวเลขอย่างอื่นก็ถือว่าดี ยิ่งกับคนไทยด้วยแล้วจะชอบเลข 9 มากเป็นพิเศษ โอกาสที่จะปล่อยเช่าหรือขายต่อก็คงไม่ยาก
เมื่อกำหนดชั้นเรียบร้อย คราวนี้ก็มาดูเรื่องการเลือกห้องกันบ้าง หลักการเลือกห้องโดยทั่วๆ ไปจะเน้นห้องหัวมุมของอาคารอยู่แล้ว เพราะมีด้านเปิดถึง 2 ด้าน ทำให้ห้องดูกว้าง สว่าง ไม่อึดอัด ส่วนใหญ่คนจะจองห้องมุมก่อนห้องอื่น ถึงราคาจะแพงกว่าก็มีคนจอง
“แล้วจะเอาห้องมุมไหนดีล่ะอาจารย์ มีตั้ง 4 มุม”
ถ้าเอาวิธีเลือกห้องมุมในทางฮวงจุ้ย จะพิจารณาเรื่องทิศกับสภาพแวดล้อมเป็นหลัก อย่างกรณีนี้มุมที่ดีที่สุดของคอนโดฯ ก็คือ มุมหน้าอาคารด้านซ้าย เหตุผลก็เพราะเป็นมุมที่ได้ทั้งทิศและสภาพแวดล้อม มุมด้านหน้าอาคารหันทิศใต้ ส่วนด้านข้างหันทิศตะวันออก ได้ประโยชน์ในเรื่องของแสงแดด ห้องจะรับแสงแดดในช่วงเช้าที่ไม่ร้อนเกินไป แถมยังได้ลมจากทิศใต้พัดเข้าห้องอีกด้วย
ส่วนสภาพแวดล้อมด้านหน้าเป็นอาคารสำนักงานที่อยู่ห่างพอสมควร เพราะมีถนนคั่นกลาง ส่วนด้านข้างเป็นที่โล่งว่างเปล่า ถือว่าไม่มีจุดกระทบ
ส่วนมุมที่รองลงมา ก็คือมุมหลังอาคารด้านซ้าย ห้องมุมนี้จะเป็นทิศตะวันออกกับทิศเหนือ จะได้ประโยชน์เรื่องของแสงแดด เพราะเป็นทิศที่มีแดดน้อยที่สุด ห้องมุมนี้จะไม่ร้อนเลยแต่สภาพแวดล้อมจะสู้ด้านหน้าไม่ได้ เพราะด้านหลังเป็นโกดังเก็บของ
ลูกค้าผมก็เลยเลือกห้องตามที่ผมบอก หลังจากนั้นประมาณ 2 เดือน ลูกค้ารายนี้โทร. มาหาผมอีกครั้ง บอกว่าได้ขายห้องชั้น 19 ไปแล้วได้กำไร 5 แสนกว่า ทั้งที่ยังไม่ได้ประกาศขายหรือให้เช่า คนซื้อติดต่อผ่านพนักงานขาย บอกว่าอยากได้ห้องนี้ ทั้งๆ ที่มีห้องมุมอื่นเหลืออยู่ก็ไม่เอา เจาะจงห้องนี้
ลูกค้าเห็นว่าแค่ 2 เดือนได้กำไรตั้ง 5 แสนก็เลยปล่อยไป ส่วนห้องชั้น 9 มีคนมาเช่าแล้ว ว่าจะเก็บเอาไว้ไม่ขาย เพราะอนาคตน่าจะขายได้ราคามากกว่านี้แน่ๆ
นี่เป็นเพียงตัวอย่างหนึ่งที่ผมหยิบมาเล่าให้ฟัง เพื่อจะได้มองเห็นว่า โอกาสทางธุรกิจนั้นเปิดกว้าง ถ้ารู้จักใช้ข้อมูลให้เป็น คอนโดฯ นี้ตั้งอยู่ใกล้ทางรถไฟฟ้า ซึ่งเป็นจุดขายที่ใครๆ ก็อยากได้ทำเลแบบนี้อยู่แล้ว ถึงราคาจะแพงแค่ไหนก็ถือว่าคุ้มค่าที่จะลงทุน
เพียงแต่ว่าลูกค้าของผมรายนี้ใช้ข้อมูลในทางฮวงจุ้ยเพิ่มเข้าไปจากทำเลที่ดีอยู่แล้ว โดยเลือกตำแหน่งห้องและชั้นที่ถูกต้อง ก็เลยทำให้การขาย หรือปล่อยเช่าทำได้ง่ายกว่าห้องในตำแหน่งอื่นของคอนโดฯ เดียวกัน
หลังจากนั้นลูกค้ารายนี้ก็กลายเป็นลูกค้าขาประจำของผมไปโดยปริยาย ซึ่งนอกจากจะลงทุนเรื่องของคอนโดฯ แล้ว ลูกค้ารายนี้ยังลงทุนซื้อพวกอาคารพาณิชย์ ทาวน์โฮม และบ้านมือสองอีกด้วย