บางครั้งอาการคัดจมูก น้ำมูกไหล ชวนให้อดสงสัยว่านี่ฉันเป็นหวัดหรือภูมิแพ้กันแน่ เพื่อคลายความสงสัยในประเด็นดังกล่าว รศ.นพ. ปารยะ อาศนะเสน ภาควิชาโสต นาสิก ลาริงซ์วิทยา คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล ได้แยกแยะประเด็นของสองโรคนี้ไว้ว่า
โรคจมูกอักเสบจากการติดเชื้อไวรัส หรือหวัด ทำให้ผู้ป่วยมีไข้ อ่อนเพลีย ปวดหรือมึนศีรษะ คัดจมูก น้ำมูกไหล (ใส หรือขุ่น) สาเหตุที่พบได้บ่อยที่ทำให้ภูมิต้านทานน้อยลง และมีการติดเชื้อไวรัสตามมาได้แก่ เครียด นอนหลับพักผ่อนไม่เพียงพอ โดนหรือสัมผัสอากาศที่เย็นมากๆ เช่น ขณะนอนเปิดแอร์ หรือพัดลมเป่าจ่อ ไม่ได้ใส่เสื้อผ้า หรือไม่ได้ให้ความอบอุ่นแก่ร่างกายเพียงพอ การดื่มหรืออาบน้ำเย็น ตากฝน หรือสัมผัสกับอากาศที่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว เช่น จากร้อนเป็นเย็น เย็นเป็นร้อน หรือมีคนรอบข้างที่ไม่สบายคอยแพร่เชื้อให้เราทั้งที่บ้านและที่ทำงาน ผู้ป่วยส่วนใหญ่ มักจะหายได้เองภายใน 7 – 10 วัน โดยไม่ต้องรับประทานยาต้านจุลชีพ ถ้าผู้ป่วยปฏิบัติตนอย่างถูกต้อง และเหมาะสม
ส่วนโรคจมูกอักเสบภูมิแพ้ หรือโรคแพ้อากาศ ทำให้ผู้ป่วยมีอาการจาม คันจมูก น้ำมูกไหลออกมาทางจมูก หรือไหลลงคอ คัดจมูก คันเพดานปากหรือคอ นานมากกว่า 1 เดือนขึ้นไป อาการดังกล่าว มักจะมีอาการ เป็นๆ (มีเหตุมากระตุ้น) หายๆ (ไม่มีเหตุมากระตุ้น) เมื่อผู้ป่วยมีอาการ ต้องมีเหตุที่กระตุ้นทำให้เกิดอาการนำมาก่อน เช่น
-ความเครียด, การนอนหลับพักผ่อนไม่เพียงพอ, อารมณ์เศร้า, วิตก, กังวล, เสียใจ
– ของฉุน, ฝุ่น, ควัน, อากาศที่เปลี่ยนแปลง
และอาการดังกล่าวจะดีขึ้นเองหลังหมดเหตุดังกล่าว หรือดีขึ้นหลังได้รับประทานยาแก้แพ้
อาการที่แตกต่างระหว่างหวัดกับภูมิแพ้
โรคหวัด |
โรคภูมิแพ้ |
-น้ำมูกข้น (อาจจะใสก็ได้) |
-น้ำมูกใส |
-ตัวร้อน มีไข้ได้ |
-ตัวไม่ร้อน ไม่มีไข้ |
-ติดต่อได้ |
-ไม่ติดต่อ (อาจติดต่อทางกรรมพันธุ์) |
-เจ็บคอ หรือ แสบคอ |
-คันคอ |
-เป็นมากขึ้นเรื่อย ๆ |
-เป็น ๆหาย ๆ |
-สัมผัสเชื้อโรคแล้วต้องใช้เวลาฟักตัวนานกว่าจะเกิดอาการ |
-สัมผัสสารก่อภูมิแพ้แล้วจะเกิดอาการในไม่ช้า |
ขอบคุณรูปจาก https://pbs.twimg.com