คนที่เป็นนักบริหารย่อมต้องรู้ว่า มีหน้าที่ ๆ ต้องรับผิดชอบหลายอย่าง ที่สำคัญคือการต้องแก้ปัญหาและตัดสินใจ ยิ่งเป็นผู้นำขององค์กร ต้องทำเรื่องดังกล่าวแทนองค์กรทีเดียว ไม่ใช่เฉพาะแต่ในเรื่องของตนเอง บางครั้งต้องให้คำปรึกษาแก่เพื่อนร่วมงานหรือผู้ใต้บังคับบัญชาอีกด้วย
คนเป็นนักบริหารจะได้รับการยอมรับนับถือเป็นผู้นำ ต้องทำให้คนเห็นว่าคนมีความสามารถในการแก้ปัญหาและตัดสินใจได้ดี ไม่ใช่เป็นคนกลัวปัญหาหรือไม่กล้าตัดสินใจ
เพราะฉะนั้นในเบื้องต้นอยากแนะนำว่า นักบริหารต้องมีทัศนคติที่ดีกับปัญหา อย่ามองว่าเป็นเรื่องยุ่งยาก เป็นอุปสรรคต่อการบริหารงาน ให้มองเป็นเรื่องธรรมชาติที่จะต้องมีในการทำงาน หรือจะมองเป็นเรื่องท้าทายความสามารถก็ย่อมได้ เป็นเรื่องที่ทำให้เราได้มีโอกาสแสดงฝีมือ
ขอยกตัวอย่างนักบริหารที่มีทัศนคติที่ดีต่อปัญหาเพื่อให้ดูเป็นแบบอย่าง
อดีตนายกรัฐมนตรีท่านหนึ่งเป็นคนอารมณ์ดีมีวลีติดปากเป็นที่ล้อเลียนของใครต่อใคร ประโยคที่ท่านชอบพูดจนเป็นสัญญลักษณ์ประจำตัวคือ “ไม่มีปัญหา” แต่เห็นไหมละอย่างน้อยท่านก็สามารถอยู่ในตำแหน่งได้เกือบ ๒ ปีกว่า แม้บางคนบางกลุ่มจะมองว่า “ท่านคือตัวปัญหา”ก็เถอะ
มีคนถามท่านว่า ท่านพูดได้อย่างไรว่า ไม่มีปัญหา ก็เห็น ๆ กันอยู่ว่าปัญหามีเยอะแยะไปหมด ท่านตอบหน้าตาเฉยว่า ท่านเป็นคนที่เชื่อว่าทุกปัญหาแก้ได้ เวลาใครพูดถึงปัญหาอะไร ก็เลยบอกว่า “ไม่มีปัญหา” เพราะสุดท้ายแล้วปัญหานั้นคงคลี่คลายได้
แนวคิดการแก้ปัญหาโดยวิธีลอยตัวคือ อดทนคอยให้ปัญหานั้นหายไปเองมีนักบริหารบางท่านชอบทำนะ ไม่เชื่อลองสังเกตดูซิ แถมบางคนบอกหน้าตาเฉยว่า “อยู่ไปก็ชินกันไปเอง”
แนวทางของท่านอดีตนายก ฯ ผู้ไม่มีปัญหา ดูไปแล้วก็เป็นหลักจิตวิทยาอย่างหนึ่ง ประชาชนได้ยินผู้นำประเทศบอกว่า “ไม่มีปัญหา” ก็คงมีความรู้สึกที่ดี ลองคิดดูซี ถ้าคนระดับนายกรัฐมนตรี เจอทีไรก็หน้าดำคร่ำเครียด ใครถามปัญหาอะไร ก็เอาแต่ส่ายหน้า แสดงท่าว่า “แก้ไม่ไหว” เจอแบบหลังสถิติคนฆ่าตัวตายคงเพิ่มขึ้นแน่ ๆ
ดังนั้นคนเป็นผู้นำต้องทราบนะว่า บุคลิกภาพยิ้มแย้มแจ่มใส ท่าทางไม่มีปัญหาของเรานั้น ทำให้ลูกน้องหรือคนที่เขาฝากความหวังไว้กับท่านมีความรู้สึกที่ดี
อดีตนายกรัฐมนตรีรับเชิญท่านหนึ่ง ที่มีโอกาสได้เป็นนายก ฯ ถึง ๒ ครั้ง และแสดงฝีไม้ลายมือเป็นที่พอใจของประชาชนเกือบทุกวงการ ก็เป็นคนมองปัญหาในแง่ดีอีกท่านหนึ่ง
เมื่อถูกถามว่า ปัญหาบ้านเมืองเยอะแยะอย่างนี้ ท่านจะทำอย่างไร ท่านตอบว่า “ปัญหามีไว้แก้ ไม่ได้มีไว้แบก”
ท่านคิดอย่างนี้นี่เอง ทำให้ดูท่านไม่ท้อถอย เดินหน้าแก้ปัญหาของบ้านเมืองไปเรื่อย ๆ สำเร็จบ้างไม่สำเร็จบ้าง แต่จำได้ว่าโพลล์ในยุคนั้นแสดงชัดเจนว่า ท่านเป็นนายก ฯ ที่ประชาชนพอใจในการทำหน้าที่เอามาก ๆ คนหนึ่ง ชื่อของท่านมักติดมาเสมอเมื่อเวลามีแบบสำรวจ อยากให้ใครเป็นนายก ฯ
เพราะฉะนั้นใครอยากเป็นผู้นำท่องไว้นะ “ปัญหามีไว้แก้ ไม่ได้มีไว้แบก” แล้วไม่ใช่ท่องเปล่า ๆ นะต้องทำตามที่ท่องด้วยจึงจะได้รับความศรัทธาและเชื่อถือ
นอกจากเรื่อง “แก้ปัญหา” อีกเรื่องที่นักบริหารต้องให้ความสำคัญถ้าอยากได้รับการยอมรับเป็นผู้นำคือ “การตัดสินใจ” ผู้คนมักไม่พอใจถ้าผู้บริหารประพฤติตนเป็นคนลอยตัวหนีปัญหาไม่กล้าตัดสินใจ
นักบริหารคนใดตัดสินใจรวดเร็วไม่ปล่อยให้ปัญหายืดยาวเรื้อรัง มักจะได้คำชมว่า เป็นผู้นำที่เด็ดขาด
อดีตนายกรัฐมนตรีท่านหนึ่งเด่นดังขึ้นมาด้วยพฤติกรรมความสุจริตและวาทศิลป์สุดยอด พอมาดำรงตำแหน่งผู้นำประเทศเข้า คนมีความรู้สึกว่าท่านเป็นคนตัดสินใจช้า เลยโดนตั้งสมญาในสมัยแรกว่า “………เชื่องช้า” แม้จะโดนโจมตีในเรื่องนี้ท่านยังมีโอกาสกลับมาเป็นนายกรัฐมนตรีอีกรอบ
รอบที่สองบทบาทของท่านก็ไม่ต่างจากรอบแรกสักเท่าไหร่ ก็คนเดิมจะผิดไปจากเดิมได้อย่างไร บรรดาผู้สื่อข่าวการเมืองให้สมญาประจำปีของท่านว่า “จอมฟุตเวิร์ค” ฟังแล้วไม่ต่างจากเดิมก็ว่าได้
แต่นั่นแหละ เมื่อโดนนักการเมืองด้วยกันวิพากษ์วิจารณ์ท่านตัดสินใจช้า ท่านก็ปาด(ปาก)มีดโกนกลับในทำนองว่า ถ้าเร็วแต่โกงละก็ช้าไว้จะดีกว่า เพราะฉะนั้นที่ท่านช้าเพราะ”รอบคอบ”หรือ”รัดกุม” ไม่ใช่ “ลังเล” นะ จะบอกให้ ต้องยอมรับว่าคงมีคนเห็นด้วยกับท่านอยู่ไม่น้อย ไม่อย่างนั้นท่านคงไม่ได้เป็นนายกรัฐมนตรีถึง ๒ รอบหรอก
เวลาใครถามถึงปัญหา ท่านก็มักจะตอบว่า “ขอให้เป็นไปตามขั้นตอน”
อย่างไรก็ตาม คนที่เป็นนักบริหารต้องพยายามตัดสินใจ นอกจากจะบนพื้นฐานของ “ความถูกต้อง” แล้ว ต้องให้ ในเวลาที่เหมาะสมด้วย เพราะตัดสินใจช้าไปก็ไม่ดีเร็วไปก็ไม่งาม ต้องพอดีกับเวลาหรือ “ถูกจังหวะ” นั่นเอง
ส่วนการตัดสินใจอย่างไร จึงจะเรียกว่าถูกจังหวะ คงต้องยกไปในข้อเขียนเดือนหน้า