“พาณิชย์” นำร่อง “บล็อกเชน” เพิ่มโอกาสให้ SME ไทย


“พาณิชย์”จับมือสถานทูตอังกฤษ นำร่องใช้ “บล็อกเชน” มาช่วยอำนวยความสะดวกทางการค้า เตรียมลุยโครงการระยะสั้น 1 ปี มั่นใจช่วย SME ทำธุรกิจได้คล่องตัว

น.ส.พิมพ์ชนก วอนขอพร ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.) เปิดเผยว่า สนค. ได้ร่วมกับสถานเอกอัครราชทูตอังกฤษประจำประเทศไทย จัดประชุมเพื่อนำเสนอร่างผลการศึกษาความเป็นไปได้ในการใช้เทคโนโลยีบล็อกเชนมาช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการค้าระหว่างประเทศของไทย เพราะบล็อกเชนเป็นเทคโนโลยีใหม่ที่จะมาปฏิวัติสังคมและเศรษฐกิจของประเทศในยุคดิจิทัล
ด้วยคุณลักษณะสำคัญของบล็อกเชน โดยเฉพาะการกระจายฐานข้อมูล ทำให้เกิดความเชื่อมั่น โปร่งใส และไว้วางใจ รวมทั้งการมีสัญญาอัจฉริยะ (Smart Contract) ที่ช่วยให้การดำเนินธุรกิจมีความคล่องตัว ช่วยลดปัญหาการหลอกลวงและป้องกันปัญหาข้อพิพาทระหว่างกัน

“กระทรวงพาณิชย์ได้เล็งเห็นถึงความสำคัญของเทคโนโลยีบล็อกเชน จึงดำเนินโครงการศึกษาความเป็นไปได้ในการนำเทคโนโลยีบล็อกเชนมาประยุกต์ใช้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพบริการการเงิน และการอำนวยความสะดวกการค้าระหว่างประเทศของไทย โดยได้รับการสนับสนุนงบประมาณจากสถานทูตอังกฤษประจำประเทศไทย และมีสถาบันนวัตกรรมเทคโนโลยีสารสนเทศ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์เป็นที่ปรึกษา” น.ส.พิมพ์ชนก กล่าว

ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.สมนึก คีรีโต ผู้อำนวยการสถาบันนวัตกรรมเทคโนโลยีสารสนเทศ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ กล่าวว่า ปัจจุบันผู้ประกอบการค้าขนาดกลางและขนาดเล็ก (SME) มักจะมีปัญหาสภาพคล่องทางการเงิน ทำให้ไม่ได้รับอนุมัติสินเชื่อหรือได้รับอนุมัติในวงเงินต่ำ

เนื่องจากเหตุผลด้านความเสี่ยง เพราะไม่เชื่อมั่นในเอกสาร มีการปลอมแปลงเอกสาร หรือมีโอกาสผิดพลาดสูง และเอกสารที่ใช้มีจำนวนมาก เช่น ใบแจ้งหนี้ หนังสือรับรองถิ่นกำเนิดสินค้า หนังสือรับรองการส่งออก ใบตราส่งสินค้าทางเรือ และเอกสารประกอบอื่นๆ อีกทั้งการติดต่อสื่อสารของผู้เกี่ยวข้องในกระบวนการค้าระหว่างประเทศก็มีขั้นตอนที่ยุ่งยากและใช้เวลาหลายวัน

ดังนั้น บล็อกเชนจะเข้ามาแก้ปัญหาได้ ทั้งเรื่องการบริการการเงินและการอำนวยความสะดวกการค้าระหว่างประเทศ

ทั้งนี้ จากการศึกษาพบว่าสามารถดำเนินโครงการระยะสั้นได้ทันทีภายใน 1 ปี ได้แก่ การเชื่อมโยงหนังสือรับรองถิ่นกำเนิดสินค้า และหนังสือรับรองการส่งออกอิเล็กทรอนิกส์ จากกรมการค้าต่างประเทศและหน่วยงานอื่นๆ เช่น สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย และสภาหอการค้าไทยแห่งประเทศไทย เข้ากับระบบบล็อกเชนของธนาคาร เพื่ออำนวยความสะดวกด้านการเงินเพื่อการค้าแบบตราสารเครดิต (L/C) และแบบบัญชีเปิด (Open Account)

ส่วนโครงการระยะ 3-5 ปี มีข้อเสนอจากผลการศึกษา เช่น

1.โครงการการจัดทำระบบ Cross-border Blockchain หนังสือรับรองถิ่นกำเนิดสินค้าและหนังสือรับรองการส่งออก ของกรมการค้าต่างประเทศ

2.โครงการจัดทำระบบบล็อกเชน เพื่ออำนวยความสะดวกด้านเอกสารอิเล็กทรอนิกส์ ในการขนส่งและการนำเข้าสินค้าผ่านท่าเรือกรุงเทพ

3.โครงการขยายระบบบล็อกเชน เพื่อรองรับ Next-Generation National Single Window ด้านการส่งออก

4.โครงการขยายระบบบล็อกเชนรองรับ Next-Generation National Single Window ด้านการนำเข้า

5.โครงการพัฒนาระบบบล็อกเชน เพื่อการติดตามย้อนกลับในห่วงโซ่สินค้า (Blockchain Traceability for Supply Chain)