ปกติหากเราเรียกใช้บริการรถแท็กซี่ ส่วนใหญ่แอปพลิเคชันที่คนทั่วไปรู้จักกันดี และนิยมใช้บริการคงหนีไม่พ้น Grab ซึ่งเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่อำนวยความสะดวกให้กับผู้โดยสาร หลีกเลี่ยงปัญหาการหารถแท็กซี่ไม่ได้, ส่งรถ และแก๊สหมด
อย่างไรก็ตาม หากสังเกตให้ดีผู้ให้บริการอย่าง Grab นั้น เป็นบริการที่มาจากต่างชาติ แล้วเคยตั้งคำถามกันหรือไม่ว่าเมื่อไหร่จะเป็นคิวของประเทศไทยที่จะพัฒนาแอปพลิเคชันเป็นของตัวเองสักที
แต่ไม่นานมานี้ได้มีการเปิดแอปพลิเคชัน HaHa Taxi-Booking ซึ่งเป็นการดำเนินการของบริษัทโฮวา อินเตอร์เนชั่นแนล โดยรู้จักกันดีว่าเป็นผู้ให้บริการวิทยุแท็กซี่ และสหกรณ์แท็กซี่สุวรรณภูมิ ด้วยการลงทุนด้วยมูลค่า 20 ล้านบาท เปิดตัวแอปพลิเคชัน HaHa taxi-booking เพื่อแข่งขันกับคู่แข่งโดยตรงอย่าง Grab
ความท้าทายในตลาดแข่งขัน
เป็นที่ทราบกันดีว่าในตลาดการให้บริการเรียกรถแท็กซี่มีแบรนด์ที่รู้จักกันดีอย่าง Grab รวมถึง Line Taxi ที่เป็นผู้เล่นหน้าเดิม แต่ยังมีพื้นที่ว่างพอให้กับผู้เล่นหน้าใหม่ได้เข้ามาแข่งขันเช่นกัน โดย “โฮวา” มองเห็นถึงโอกาสที่มี จึงตัดสินใจลงทุนในระบบมิเตอร์ดิจิตอล (DMT) และศูนย์ควบคุมจราจรแท็กซี่ เพื่อแทนที่บริการวิทยุแท็กซี่ที่มีการให้บริการมาก่อนหน้านี้แล้ว
สำหรับระบบมิเตอร์ดิจิตอล (DMT) เป็นอุปกรณ์แสดงผลดิจตอลในเรื่องการวัดค่ามิเตอร์ และระบบติดตามโลเคชันที่สามารถตรวจสอบการทำงานของคนขับรถแท็กซี่ได้ผ่านแอปพลิเคชัน HaHa taxi-booking ด้วยการ์ดลีดเดอร์
ดังนั้น จึงมั่นใจในความปลอดภัย ว่ารถแท็กซี่ทุกคันมีใบอนุญาต และถูกกฎหมายอย่างแน่นอน
ความพร้อมในการให้บริการ
“โฮวา” มีรถแท็กซี่ให้บริการในระบบ 4,000 คัน และจะทำการอัพเกรดระบบอยู่เรื่อยๆ โดยผู้ขับแท็กซี่จะต้องเสียค่าใช้จ่ายสำหรับซื้อกล่องบริการระบบมิเตอร์แบบดิจิทัลในราคา 30,000 บาท และค่าบริการรายปี จำนวน 3,500 บาท
โดยแอปพลิเคชัน HaHa taxi-booking มีเป้าหมายเป็นลูกค้าระดับพรีเมียม โดยคิดค่าบริการเริ่มต้นที่ 50 บาท และค่าจองแท็กซี่ล่วงหน้า 150 บาท นาน 3 ชั่วโมง ในพื้นที่สำคัญอย่างโรงพยาบาล ห้างสรรพสินค้า และโรงแรมระดับ 5 ดาว
มอง Business Model ของ HaHa taxi-booking
ปกติรถแท็กซี่ทั่วไปตามท้องถนนส่วนใหญ่จะวิ่งออกไปตามท้องถนน เพื่อหาผู้โดยสาร ซึ่งบางทีอาจเป็นการทำงานไปโดยเปล่าประโยชน์ แถมยังสร้างมลพิษให้กับสิ่งแวดล้อมอีก โดยโมเดลธุรกิจของ HaHa taxi-booking หวังแก้ปัญหาด้านนี้ด้วยการลดต้นทุนทั้งทางด้านค่าใช้จ่าย และพลังงานเชื้อเพลิง ซึ่งกระบวนการของรถแท็กซี่จะวิ่งก็ต่อเมื่อมีผู้โดยสารเท่านั้น และมีการกำหนดพื้นที่จอดรถเป็นจุดๆ ซึ่งเหมาะกับประเทศไทยที่การจราจร
ชำระเงินแบบดิจิทัล
การชำระเงินของผู้โดยสารมีแบบดั้งเดิมที่คุ้นเคยกันเป็นอย่างดี คือการจ่ายเงินสด รวมถึงให้เข้ากับยุคสมัยของสังคมไร้เงินสดด้วยการร่วมเป็นพาร์ทเนอร์กับมาสเตอร์การ์ด ชำระเงินผ่านแพลตฟอร์ม ที่จะอำนวยความสะดวกให้กับผู้ใช้สอดรับกับยุคดิจิทัล
ผู้โดยสารได้ประโยชน์อย่างไร
แอปพลิเคชันจะช่วยให้ผู้โดยสารเรียกรถแท็กซี่ที่มีบริการคุณภาพ หมดปัญหาการปฏิเสธผู้โดยสาร, การคิดราคาแบบเหมาจ่าย, การวิ่งออกนอกเส้นทาง รวมถึงการแสดงพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสม นอกจากนี้ หากเกิดกรณีผู้โดยสารลืมสิ่งของมีค่าไว้บนรถแท็กซี่ ก็สามารถติดตามนำกลับคืนมาได้ เพราะจะมี Big Data แสดงข้อมูลรายละเอียดของรถแท็กซี่ว่ามีคันไหนวิ่งให้บริการอยู่ในช่วงเกิดเหตุ
