ในอีก 3 ปีต่อจากนี้ไป เศรษฐกิจดิจิทัลจะนำไปสู่การแข่งขันที่ทวีความรุนแรงยิ่งขึ้นโดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อมีการสนับสนุนให้เกิดการเปลี่ยนแปลงด้านระบบดิจิทัล ได้ทำการขับเคลื่อนเข้าไปในตลาดท้องถิ่นมากยิ่งขึ้น
ผู้นำทางด้านธุรกิจ ได้นำเทคโนโลยีที่เกิดขึ้นใหม่มาใช้เพื่อสร้างโอกาสในการเติบโตทางเศรษฐกิจยุคใหม่ องค์กรท้องถิ่นควรก้าวไปสู่การเป็นองค์กรแบบดิจิทัล ซึ่งองค์กรเหล่านี้เป็นองค์กรที่มีศักยภาพในการมองเห็นว่าตลาดและลูกค้าจะมีการเปลี่ยนแปลง และบูรณาการตัวเอง เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้มีส่วนได้ส่วนเสียในใช้งานเทคโนโลยีใหม่รวมทั้งประสิทธิภาพและโมเดลธุรกิจได้ดียิ่งขึ้น
โอกาสและความท้าทายของผู้นำด้านไอที ที่จะต้องเจอตั้งแต่ 2562
#1: Digitalized Economy
ภายในปี 2565 จีดีพีของประเทศไทยกว่า 61% จะถูกทำให้เป็นเศรษฐกิจดิจิทัลโดยมีการเติบโตในทุกอุตสาหกรรมที่ขับเคลื่อนแบบดิจิทัลด้วยการนำเสนอ การดำเนินงานและความสัมพันธ์ที่เติบโตถึง 7,200 ล้านดอลล่าสหรัฐ ในมูลค่าการใช้จ่ายทางด้านไอทีในปี 2562 ถึง 2565
#2: Digital-native IT
ภายในปี 2565 การใช้จ่ายด้านไอทีของประเทศไทย 60% จะใช้เทคโนโลยีแพลตฟอร์มที่ 3 เนื่องจากมากกว่า 30% ขององค์กรที่อยู่สภวะแวดล้อมไอทีแบบ “ดั้งเดิม” ได้ทำเปลี่ยนแปลงเพื่อให้กิดการเติบโตเป็นเศรษฐกิจดิจิทัล
#3: Expand to the Edge
ภายในปี 2565 การปรับใช้ระบบคลาวด์ขององค์กรในประเทศไทยมากกว่า 20% รวมถึงการประมวลผลข้อมูลที่อยู่ใกล้กับแหล่งข้อมูลให้มากที่สุดและ 25% ของอุปกรณ์และระบบปลายทางจะใช้อัลกอริธึม AI
#4: AppDev Revolution
ภายในปี 2565 แอปพลิเคชันใหม่ๆ ของประเทศไทย 70% จะเป็นแบบสถาปัตยกรรมไมโครไซต์ที่ปรับปรุงความสามารถในการออกแบบ แก้จุดบกพร่อง อัปเดตและใช้ประโยชน์จากโค้ดจากภายนอก และ 25% ของแอปลิเคชันการผลิตทั้งหมดจะเป็นระบบคลาวด์
#5: New Developer Class
ภายในปี 2567 นักพัฒนามืออาชีพรุ่นใหม่ที่ผลิตรหัสโดยไม่มีสคริปต์ที่กำหนดเอง และจะขยายจำนวนผู้พัฒนาซอฟต์แวร์ขึ้น 20% ในประเทศไทย
#6: Digital Innovation Explosion
จากปี 2561 ถึงปี 2566 ไม่ว่าจะเป็นเครื่องมือ / แพลตฟอร์มใหม่ จำนวนผู้พัฒนาที่เพิ่มมากขึ้น วิธีการที่คล่องตัวมากกว่าเดิมและการใช้รหัสซ้ำจำนวนมาก กว่า 4 ล้านแอปลอจิคัลใหม่ จะถูกสร้างขึ้นในประเทศไทย
#7: Growth Through Specialization
ภายในปี 2565 15% ของการประมวลผลแบบคลาวด์สาธารณะจะใช้โปรเซสเซอร์ที่ไม่ใช่ x86 (รวมถึงควอนตัม) ในประเทศไทย ภายในปี 2565 องค์กรต่างๆ จะใช้จ่ายกับแอปพลิเคชันในรูปแบบการให้บริการแบบคลาวด์มากกว่าแอปพลิเคชันแบบที่ใช้ทั่วไป
#8: AI is the New UI
ภายในปี 2567 อินเทอร์เฟซผู้ใช้ที่เปิดใช้งาน AI และกระบวนการอัตโนมัติจะแทนที่ 1 ใน 3 ของแอปที่ใช้หน้าจอในปัจจุบันในประเทศไทย ภายในปี 2565 ผู้ประกอบการ 20% จะใช้เทคโนโลยีการพูดสนทนาเพื่อการมีส่วนร่วมของลูกค้า
#9: Expanding/Scaling Trust
ภายในปี 2566 25% ของเซิร์ฟเวอร์จะทำการเข้ารหัสข้อมูลที่เหลือและการเคลื่อนไหวต่างๆ ในประเทศไทยโดยมีวิธีการแจ้งเตือนที่มีความปลอดภัยมากกว่า 20% ซึ่งจะได้รับการจัดการโดยระบบอัตโนมัติที่ขับเคลื่อนด้วย AI และ 3.5 ล้านคนจะมีอัตลักษณ์ทางดิจิตอลโดยใช้บล็อกเชน
#10: Consolidation vs Multicloud
ภายในปี 2565 กลุ่มผู้ให้บริการคลาว์ “ที่รองรับระบบปฏิบัติการขนาดใหญ่” 4 อันดับแรกจะใช้พื้นที่ 80% ของการติดตั้ง IaaS / PaaS ในประเทศไทย แต่ภายในปี 2566 70% ขององค์กรในประเทศไทย 100 (T100) จะช่วยลดการล็อคอินผ่านเทคโนโลยีระบบคลาวด์ที่หลากหลายและเครื่องมือที่สามารถขับเคลื่อนได้มากกว่าหนึ่งอย่างขึ้นไป
ทั้งหมดนี้คือการคาดการณ์ด้านไอที ของประเทศไทย ที่จะเกิดขึ้นตั้งแต่ปี 2562 เป็นต้นไป เชื่อว่าข้อมูลเหล่านี้พอที่จะทำให้ SME ทุกท่านได้มองเห็นว่าประเทศไทยกำลังจะมีการเปลี่ยนแปลงด้านไอทีไปในทิศทางใด เพื่อเพิ่มโอกาสในการลงทุนในด้านต่างๆ ของธุรกิจ
อ้างอิง: International Data Corporation (IDC)