E-Mail Marketing ส่งเวลาไหน มีคนเปิดอ่านมากที่สุด


อีเมลนั้นเป็นช่องทางการติดต่อสื่อสารของคนในวงการธุรกิจมาอย่างยาวนานกว่า 50 ปีแล้ว ซึ่งหลายๆ คนมีความเห็นเป็นไปในทิศทางเดียวกันว่า อีเมลนั้นจะถูกล้มล้างและยกเลิกการใช้งาน เมื่อมี Social Media เข้ามา ซึ่งจนถึงทุกวันนี้ ก็ถือเป็นการพิสูจน์เรียบร้อยแล้วว่า แนวคิดนั้นผิดอย่างมหันต์ เพราะถึงแม้โลกของเราจะมีโซเชียลมีเดียมากมาย แต่ E-mail ก็ยังนับเป็นหนึ่งในข่องทางการติดต่อสื่อสาร รวมถึงการทำการตลาดที่ดีที่สุด และมีประสิทธิภาพมากที่สุดอยู่ดี

ส่ง E-Mail Merketing ยังไงให้มีคนเปิดอ่านมากที่สุด

เพราะการทำการตลาดทุกชนิดไม่ว่าจะใช้สื่อใดก็ตาม คุณเองต้องมีความเข้าใจในเครื่องมือเหล่านั้น และเข้าใจถึงพฤติกรรมของผู้บริโภคเครื่องมือนั้นๆ ด้วย จึงทำให้การจัดส่ง E-mail Marketing ไม่ใช่จะทำเมื่อไหร่ก็ได้ แต่ต้องทำในช่วงเวลาที่เหมาะสมมากที่สุดเท่านั้น การส่งของคุณถึงจะมีประสิทธิภาพ ซึ่งทางสำนักวิจัยด้านการตลาด อย่าง GetResponse เองก็ได้เปิดเผยข้อมูลการส่งอีเมลที่เป็นประโยชน์ต่อผู้คนในวงการธุรกิจว่า

ช่วงที่ผู้คนจะตอบสนองต่อ E-Mail ที่พวกเขาได้รับมากที่สุด คือช่วง 08.00 น. – 09.00 น. และช่วง 15.00 น. – 16.00 น. ซึ่งที่เป็นอย่างนั้นเพราะนี่เป็นช่วงเวลาที่ผู้คนกำลังเปิดอ่าน หรือเช็กอีเมลของพวกเขาอยู่นั่นเอง ทำให้อัตราการอ่าน การคลิก และการดูโฆษณาที่ส่งไปทาง E-mail นั้นประสบความสำเร็จมากยิ่งขึ้น

ส่วนช่วงเวลาที่ไม่เหมาะสมในการส่ง E-mail Marketing ให้ลูกค้าเลยคือ ช่วงเย็น เพราะเป็นช่วงที่คนออนไลน์ส่วนมากกำลังเดินทางกลับบ้าน หรือบางคนกำลังทานข้าว และอยู่นอกเหนือเวลางาน ทำให้เขาไม่สนใจที่เปิดอ่าน E-Mail อีกต่อไป เพราะในจิตสำนึกของคนส่วนใหญ่ E-mail เป็นแพลตฟอร์มสำหรับการทำงานอย่างแท้จริง แตกต่างจาก Social Media ที่ต่อให้มีเรื่องงานปะปน แต่จิตสำนึกมันคือเครื่องมือสื่อสารเพื่อความบันเทิง ซึ่งมีโอกาสที่จะถูกใช้งานได้ตลอดเวลา

เผยเคล็ดลับการทำ E-mail Marketing ให้ประสบความสำเร็จ

1. กำหนดกลุ่มเป้าหมาย
ไม่ใช่ว่า E-mail จะส่งให้ใครก็ได้ แต่ต้องเป็นคนที่พร้อมจะรับมันเท่านั้น ถึงจะเป็นการส่ง E-mail ที่ประสบความสำเร็จ เพราะมั่นใจว่าคุณเองก็คงเคยเจอการส่ง E-mail มาประชาสัมพันธ์บ่อยๆ ทั้งที่ไม่ต้องการ ซึ่งสุดท้าย E-mail เหล่านั้นก็ถูกลบทิ้ง หรืออย่างแย่ที่สุดก็จะถูกนำไปไว้ใน โฟลเดอร์สแปม ทำให้กลุ่มเป้าหมายไม่มีทางได้รับรุ้ข่าวสารจากคุณอีกเลย ดังนั้นเลือกส่งเฉพาะคนที่มีความสนใจ ซึ่งดูได้จากการเคยใช้บริการ หรือเคยกด Subscription ข่าวสารจากเว็บไซต์คุณเท่านั้น

2. ใช้ชื่อข้ออีเมลที่น่าสนใจ
การตั้งชื่อ E-mail มีความสำคัญอย่างมาก เพราะผู้บริโภคจะเปิดอ่านหรือไม่ก็ขึ้นอยู่กับชื่อตรงนี้ เนื่องจากมันเป็นสิ่งแรกที่พวกเขาเห็น จึงควรเขียนให้มีความดึงดูด โดดเด่น และตั้งชื่ออย่างตั้งใจ ควรใช้คำที่เข้าใจง่าย สื่อสารออกไปตรงๆ แต่แฝงไว้ด้วยความน่าเปิดอ่าน

3. มี Call to Action ด้วยการแนบลิงก์
E-mail ที่ดีต้องระบุได้ว่าอยากให้ผู้รับทำอะไร คุณมีจุดมุ่งหมายใดในการส่งอีเมลฉบับนี้ เช่น อาจจะเป็น E-mail ที่บ่งบอกถึงเรื่องของการลดราคาสินค้าที่คุณขายอยู่ หรือออกแพ็กเกจใหม่มา ก็ต้องแนบลิงก์ที่นำไปสู่สินค้านั้นๆ หรือสามารถสั่งซื้อได้อย่างง่ายดาย ไม่ต้องให้ผู้รับมาหาเอง โดยสามารถเลือกใส่ได้ทั้ง 1. รูปภาพ (ที่ฝังลิงก์ไว้) 2. วางลิงก์ในข้อความ และ 3. มีปุ่ม Call to Action ให้เห็นเด่นชัด

4. ระบุให้ครบถ้วนว่ามาจากใคร
สุดท้ายแล้วต้องระบุให้ลูกค้ารู้ด้วยครับว่า E-mail ฉบับนี้มาจากใคร ส่งมาเพื่ออะไร ซึ่งต้องระบุแบรนด์ของคุณ หรือตัวเว็บไซต์ ตัวสินค้าและบริการ ได้อย่างชัดเจน ทั้งชื่อ E-mail เบอร์โทรศัพท์ รวมถึงโลโก้ต่างๆ ยิ่งทำให้เขามองเห็นแบรนด์และความเป็นตัวตนของคุณได้มากเท่าไหร่ ก็ยิ่งทำให้เขาไว้ใจ และกล้าที่จะคลิก กล้าที่จะใช้บริการมการเท่านั้น